ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ราคาทองคำยังทรงตัวเหนือระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์หลังรายงานการประชุม FOMC
ราคาทองคำยังทรงตัวเหนือระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์หลังรายงานการประชุม FOMC
ราคาทองคำเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในวันพุธหลังเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ
รายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 30 เม.ย.-1 พ.ค.ที่ผ่านมา บ่งชี้ว่า การที่เฟดใช้ความอดทนต่อการตัดสินใจปรับเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในอนาคตนั้น มีแนวโน้มที่จะยังคงเป็นการดำเนินการที่เหมาะสมไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ อาจยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดยังคงเน้นย้ำถึงการ "ใช้ความอดทน" ในการดำเนินนโยบายการเงิน พร้อมระบุว่า เฟดไม่มีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้
ในการประชุมเฟดหลายครั้งที่ผ่านมานั้น กรรมการเฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งความไม่แน่นอนของกระบวนการที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) และข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน แต่ในรายงานการประชุมครั้งนี้ ระบุว่า "กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่าความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่างๆที่ได้ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงต้นปีนี้ ได้บรรเทาลงแล้ว ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ Brexit แนวโน้มเศรษฐกิจโลก และการเจรจาการค้า"
ในการประชุมวันที่ 30 เม.ย. - 1 พ.ค. ที่ผ่านมา คณะกรรมการเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.25-2.50% ซึ่งสอดคล้องกับที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ หลังจากที่เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีที่แล้ว โดยเฟดได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันดังกล่าว แม้ถูกกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า สหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อยุติการทำสงครามการค้าในที่สุด ถึงแม้ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายยังคงมีความขัดแย้งในการเจรจา
"ผมคาดการณ์ว่าเราจะสามารถทำข้อตกลงทางการค้า ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับจีนและสหรัฐ" นายบูลลาร์ดกล่าว
นายบูลลาร์ดยังระบุว่า จีนควรรับเงื่อนไขในการเจรจาของสหรัฐ เพื่อที่จะสามารถดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้จีนได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก
"จีนจะสร้างความน่าเชื่อถือ และจะสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนต่างชาติว่าพวกเขาสามารถลงทุนในจีน และได้รับการปฏิบัติที่เหมาะสม ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจจีน" เขากล่าว
นายบูลลาร์ดกล่าวเสริมว่า ในแง่ของเศรษฐกิจมหภาค จีนควรตกลงต่อทุกสิ่งที่สหรัฐร้องขอ
"หากสิ่งนี้เกิดขึ้น ก็จะก่อให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจจีน" นายบูลลาร์ดกล่าว
ตลาดยังคงให้ความสนใจกับประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า เขายังไม่มีกำหนดการเดินทางไปยังกรุงปักกิ่งเพื่อเจรจาการค้ารอบใหม่
ทางด้านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ก็ส่งสัญญาณว่า จีนพร้อมที่จะทำสงครามการค้าที่ยืดเยื้อกับสหรัฐ
นักลงทุนกังวลมากขึ้นว่าข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจลุกลามเป็นวงกว้าง หลังจากมีรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมขึ้นบัญชีดำบริษัทจำหน่ายกล้องวงจรปิดรายใหญ่ 5 รายของจีน