ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลังข้อมูลผสมผสานของจีนช่วยหนุนตลาดหุ้น
ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลังข้อมูลผสมผสานของจีนช่วยหนุนตลาดหุ้น
ราคาทองคำปรับตัวลดลงเมื่อวันจันทร์เนื่องจากตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนเน้นการอ่านตัวเลขเศรษฐกิจที่พุ่งสูงขึ้นจากข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่หลากหลาย
หุ้นทั่วโลกพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือนหลังจากที่มีข้อมูลที่หลากหลายพร้อมทำให้นักลงทุนลดความต้องการทองคำ ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับคู่แข่งขันที่สำคัญในช่วงเริ่มต้นฤดูร้อนที่มีการซื้อขายบางส่วนซึ่งทำให้ทองคำมีราคาแพงกว่าสำหรับผู้ถือเงินสกุลอื่นๆ
รัฐบาลจีนเปิดเผยตัวเลขภาคการผลิต และยอดค้าปลีกที่สูงกว่าคาดการณ์ แต่เศรษฐกิจจีนโดยรวมมีการขยายตัวในไตรมาส 2 ต่ำสุดในรอบ 27 ปี
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2562 ขยายตัว 6.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 27 ปี และชะลอตัวลงจากไตรมาส 1 ที่มีการขยายตัว 6.4% โดยได้รับผลกระทบจากการทำสงครามระหว่างจีนและสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม NBS รายงานว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 9.8% ในเดือนมิถุนายน เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัวเพียง 8.5%
ส่วนยอดค้าปลีกในช่วงครึ่งปีแรก ขยายตัว 8.4% เมื่อเทียบรายปี โดยเพิ่มขึ้น 0.1% จากการขยายตัวในไตรมาสแรก
นอกจากนี้ การผลิตในภาคอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 6.3% ในเดือนมิถุนายน เมื่อเทียบรายปี โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 5.2%
ตลาดหุ้นเลือกอ่านข่าวในเชิงบวก ตลาดทองคำตอบโต้กับข้อมูลที่ไม่ดีมากกว่าดี ดอลล่าร์สหรัฐดูเหมือนว่าจะพบการสนับสนุนบางอย่างซึ่งอาจมีน้ำหนักในทองคำ
ทองคำเพิ่มขึ้นประมาณ 1.1% เมื่อสัปดาห์ที่แล้วจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะลดดอกเบี้ยลงซึ่งส่งผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์เช่นกัน
นักวิเคราะห์กล่าวว่าแนวโน้มของทองคำยังคงเป็นบวกโดยทองคำมีแนวโน้มที่จะได้รับการสนับสนุนจากความคาดหวังของการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดและความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของการเติบโตทั่วโลก
นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดค้าปลีก และตัวเลขการผลิตในภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งการเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทั้ง 12 ภาคในวันพุธนี้
การเคลื่อนไหวของราคาทองคำค่อนข้างผันผวน แต่คาดว่าราคาน่าจะยังเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงกรอบ $1,38.000- $ 1,440.00 ต่อจากนี้ไปจนถึงการประชุมเฟดในปลายเดือนกรกฎาคมนี้