ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในรอบหนึ่งสัปดาห์เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ
ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในรอบหนึ่งสัปดาห์เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ
ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในรอบหนึ่งสัปดาห์ในสันพฤหัสบดีเนื่องจากข้อมูลเศษฐกิจของสหรัฐฯและการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐยังกดดันราคาทองคำ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นโดยนักลงทุนลดการถือครองพันธบัตร หลังจากที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ยูโรโซน"มีความเสี่ยงต่ำ"ที่จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย
"ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน"
นายดรากีกล่าวในการแถลงข่าวว่า การใช้มาตรการกระตุ้นทางการเงินครั้งใหญ่ยังคงมีความสำคัญ เพื่อรับประกันว่าสภาวะทางการเงินมีความแข็งแกร่ง และเอื้อต่อการขยายตัวของยูโรโซน
นายดรากียังระบุว่า กรรมการ ECB ทุกคนเห็นพ้องกันว่า มีความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป แม้สมาชิกยังคงเห็นต่างเกี่ยวกับเครื่องมือทางการเงินที่จะนำมาใช้
นายดรากีกล่าวว่า ความเสี่ยงที่ยูโรโซนจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยยังคงอยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ ECB จัดการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ โดยที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.40% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
นอกจากนี้ ECB ระบุว่า จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันต่อไป หรือปรับลดลง อย่างน้อยจนถึงช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563
"กรรมการบริหารของ ECB ได้มอบหมายให้คณะกรรมการควบคุมระบบการเงินยุโรปทำการศึกษาทางเลือกต่างๆ ซึ่งรวมถึงแนวทางการชี้นำนโยบายการเงิน, การใช้มาตรการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการกำหนดขนาดและองค์ประกอบของการซื้อพันธบัตรครั้งใหม่" แถลงการณ์ของ ECB ระบุ
แถลงการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่า ECB อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรือทำการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE อย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือนกันยายน
นอกจากนี้ทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.16% สู่ระดับ 97.88 เมื่อคืนนี้
ในขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 30-31 กรกฎาคม รวมทั้งการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนที่นครเซี่ยงไฮ้ในวันที่ 30-31 กรกฎาคมเช่นกัน
"นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนนี้"