ทองต้องอิงราคานำมัน แล้วนำมันมาจากไหน? ตอนที่2
ไม่ขออะไรมาก..ขอเพียงโหวตให้กำลังใจคนทำเว็บ
ตลาดทองขอขอบพระคุณ : http://www.oknation.net
วันนี้วันที่ 19 มีนาคม 2551 ราคามันดิบ light sweet crude oil ที่ตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนเมษายน เมื่อคืนอยู่ที่ 108.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลนะครับ เพื่อให้เข้าใจตรงกัน 1 บาร์เรลของน้ำมันดิบหมายถึง 42 US Gallon หรือ 159 ลิตรนะครับ ตกลิตรละ 0.68 ดอลลาร์ หมายถึงน้ำมันดิบ ณ จุดส่งมอบที่ตลาด NYMEX กำหนด ในเดือนเมษายน จะมีราคาลิตรละ 21 บาท โดยประมาณ แต่ในย่าน Asia-Pacific รวมทั้งประเทศไทยซื้อน้ำมันจากตะวันออกกลางเป็นหลักนะครับ เราจึงต้องอ้างอิงราคาน้ำมันที่ดูไบซึ่งถูกกว่า ในตอนนี้เราจะคุยเรื่องปิโตรเลียมและแหล่งน้ำมันดิบสำรองซักเล็กน้อย
ปิโตรเลียม (Petroleum) เป็นชื่อรวมๆของผลิตภัณฑ์และอนุพันธ์ของสิ่งที่เกิดการตกตะกอนทับถมของเหล่าบรรพชีวินในยุค Carboniferousราวๆ 300-400 ล้านปีก่อนหรือก่อนจะมีไดโนเสาร์เสียอีก เมื่อได้รับแรงบีบอัดมหาศาลและความร้อนจึงมีหน้าตาอย่างที่เห็น โฉมหน้าของผู้วายชนม์เป็นแบบภาพบนนี้นะครับ น่ารักจริงๆที่อุตส่าห์ทิ้งซากไว้ให้พวกเราใช้เติมรถ ปิโตรเลียมที่เรารู้จักกันดีคือ น้ำมันดิบ (Crude Oil) และแก๊ซธรรมชาติ (Natural Gas) ต่างๆ มีอนุพันธ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียมให้เราใช้ในชีวิตประจำวันมากมาย เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น เคมีภัณฑ์ พลาสติก และยางมะตอยที่เราเอามาทำถนน ปิโตรเลียมเป็นแหล่งพลังงานที่ขับเคลื่อนโลกเข้าสู่อุตสาหกรรม และยังเป็นแหล่งพลังงานหลักของโลกในปัจจุบัน ไม่มีปิโตรเลียมเราก็จะมาได้ไกลแค่กลจักรไอน้ำเท่านั้น
เนื่องจากปิโตรเลียมมาจากการทับถมของซากพืชซากสัตว์จึงมีองค์ประกอบกอบหลักเป็นไฮโดรเจน (H) และคาร์บอน (C) หรือที่เราเรียกรวมๆว่าเป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอน กระบวนการสร้างปิโตรเลียมโดยธรรมชาติกินเวลาหลายร้อยล้านปี แต่การบวนการผลาญปิโตรเลียมโดยมนุษย์จะทำให้มันหมดไปได้ภายในไม่กี่ร้อยปี
แต่ข่าวดีคือปิโตรเลียมจะไม่หมดไปจากโลกนะครับ เพราะเมื่อราคามันแพงนัก ในปัจจุบันเราก็จะหันไปใช้พลังงานที่เป็นทางเลือกอื่นๆ ซึ่งก็อาจจะเป็นทางหลักในอนาคต คือเหล่าเชื้อเพลิงคาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate) ต่างๆ นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่มีโลกใบนี้ ที่มนุษย์และเครื่องจักรหันมาบริโภคสิ่งเดียวกันคือ อนุพันธ์ของแป้งและน้ำตาล แต่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งก็คาดการณ์ว่า พลังงานทดแทนนี้มาช้าไปหน่อย ดังนั้นก็จะไม่ทันกับการลดลงของน้ำมันดิบที่ผลิตได้ โลกจึงจะระทมกับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพลังงานซึ่งเป็นต้นทุนของทุกอย่าง ไปอีกหลายสิบปี
น้ำมันจุดไฟติดนะครับ แต่จะเอามาใช้งานในโลกปัจจุบัน ก็ต้องนำมากลั่นเสียก่อน น้ำมันดิบเมื่อได้รับความร้อนเข้าไปส่วนประกอบต่างๆ ก็จะแยกตัวออกมา โดยพวกแก๊ซเหลวต่าง (LPG) จะออกมาก่อนเพื่อน รองลงไปคือน้ำมันเบนซิน ดีเซล และน้ำมันหล่อลื่นต่างๆ สิ่งสุดท้ายที่จะได้ออกมาคือ ยางมะตอย จะเห็นได้ว่าน้ำมันดิบนี่มีคุณประโยชน์ใหญ่หลวงจริงๆ
น้ำมันดิบที่กลั่นแล้วจะได้เป็นน้ำมันเบนซินเกือบๆ 50% นะครับ 20% เป็น Distillate Fuel เช่นน้ำมันดีเซลและ Heating ต่าง 10% เป็นน้ำมันเครื่องบินไอพ่น ที่เหลือก็เป็นอื่นๆ แต่จำนวน % นี้ก็ขึ้นอยู่เกรดของน้ำมันดิบด้วย พยายามหารูปดีกว่านี้แล้วแต่ไม่เจอครับ
เมื่อเราพูดถึงน้ำมันดิบก็จะได้ยินคำว่าน้ำมันสำรอง (Oil Reserve) ซึ่งก็คือน้ำมันดิบที่นอนแอ้งแม้งอยู่ในบ่อน้ำมันที่ค้นพบแล้วของประเทศต่างๆนะครับ บ่อน้ำมันก็คือที่ว่างในชั้นหินใต้โลกที่น้ำมันไปอยู่กัน คอยให้เราเจาะลงไปดูดมันออกมา น้ำมันที่ยังไม่พบก็จะไม่จัดเป็นน้ำมันสำรอง แต่ไม่ต้องกลัวว่าชาวโลกจะพลาดอะไรไปนะครับ เพราะว่า บ่อน้ำมันใหญ่ในโลกที่ยังไม่ถูกคนพบเหลือน้อยมาก ในปัจจุบันชาวโลกลงไปเจาะน้ำมันในทะเลมากขึ้น และก็ต้องเจาะลงไปหลายกิโลกว่าจะพบ ต่างจากเมื่อก่อนที่อยู่ดีๆมันก็พุ่งออกมา (หุหุ)
น้ำมันดิบก็มีอยู่ทั่วทั้งโลกนะครับ แต่ก็มีบางประเทศที่โชคดีเป็นพิเศษก็คือ ประเทศในตะวันออกกลาง ปริมาณน้ำมันสำรองของแต่ละประเทศตามที่หน่วยงานต่างๆ ประมาณการออกมาก็ต่างกันนะครับ ตามตารางเป็นของบริษัท British Petroleum (BP) ทำไว้เมื่อปี 2005 BP บอกว่าทั่วโลกมีน้ำมันสำรองอยู่ 1,200 พันล้านบาร์เรล อยู่ในตะวันออกกลางมากกว่า 700 พันล้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เศรษฐีน้ำมัน ซาอุดิอาระเบีย มีน้ำมันเก็บอยู่ในบ่อ 264 พันล้านบาร์เรล หรือประมาณ 1 ใน 5 ของโลก ลองลงไปคือ อิหร่าน อิรัก คูเวต UAE และ เวเนซุเอล่า ประเทศที่อาจจะเป็นความหวังของชาวโลกได้คือ รัสเซีย เพราะไม่อยู่ในกลุ่ม OPEC รัฐบาลไทยจึงพยายามเข้าไปเจรจาขอซื้อน้ำมันถูกๆ จริงๆแล้ว รัสเซียอาจจะมีน้ำมันสำรองมากกว่านี้ก็ได้เพราะในไซบีเรียอาจจะยังมีแหล่งที่ยังไม่ได้เจาะดูอีกมาก ส่วนสหรัฐตัวเขมือบน้ำมันของโลกมีอยู่แค่ 30 พันล้าน และไทยตัวเขมือบอันดับต้นๆของโลกเช่นกัน มีน้ำมันสำรอง 500 ล้านบาร์เรล (ไม่แน่ใจว่ารวม conflict oil ทั้งหลายไปหรือยัง)
Country |
bill.Barrels |
% |
Saudi Arabia |
264 |
22.00 |
|
137 |
11.45 |
|
115 |
9.58 |
Kuwait |
102 |
8.45 |
|
98 |
8.14 |
|
80 |
6.64 |
|
74 |
6.20 |
|
40 |
3.30 |
|
39 |
3.26 |
|
36 |
2.99 |
|
30 |
2.49 |
|
17 |
1.37 |
… |
|
|
|
4.3 |
0.36 |
|
4.2 |
0.35 |
….. |
|
|
|
0.5 |
0.04 |
Total World Reserve |
1,201 |
|
ข่าวดีอีกอย่าง น้ำมันดิบอีกจำนวนมากอยู่ในรูปของทรายน้ำมัน (Tar Sand) นะครับ มีมากมายมหาศาลในประเทศแคนาดา แต่ข่าวร้ายคือยังหาวิธีสกัดได้น้ำมันออกมาแบบถูกๆไม่ได้ และ IEA (International Energy Agency) เชื่อว่าในปี 2030 พวก non-conventional oil เหล่านี้ยังผลิตได้ไม่ถึง 10% ของที่ต้องการ
สำหรับตอนนี้คงพอแค่นี้ตอนต่อจะเล่าเรื่อง Supply-Demand ของน้ำมันนะครับ จะได้ทราบว่าอนาคตของโลกนี้จะน่ากลัวเพียงใด เหอๆๆ