จีนเข้ามามีบทบาทในตลาดทองคำมากขึ้นเรื่อยๆ
สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ มีตลาดทองคำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เป็นผู้กำหนดแนวทางของระบบการเงินสมัยใหม่และมีอิทธิพลกับราคาทองคำมานาน แต่ช่วงหลัง ดูสถานการณ์จะเปลี่ยนไป จีนซึ่งก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ได้คืบคลานเข้ามามีบทบาทในตลาดทองคำมากขึ้นเรื่อยๆ
ประเทศทางแถบเอเชียโดยเฉพาะอินเดียกับจีน มีวัฒนธรรมที่ผูกพันกับทองคำมาช้านาน หลังจากจีนเริ่มเปิดตัวเองเข้ามาสู่ระบบเศรษฐกิจโลก มีเหตุการณ์หลายๆเหตุการณ์ที่บ่งชี้ว่า จีนกำลังต้องการเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในตลาดทองคำ เริ่มจากการคลายกฏในปี 2001 ประชาชนสามารถเก็บสะสมทองคำได้ การเปิดตลาด Gold Futures ที่เซี่ยงไฮ้ การให้ฮ่องกงเรียกคืนทองคำที่ฝากไว้ที่ตลาดลอนดอนมาเก็บรักษาไว้เอง การเพิ่มทุนสำรองทองคำจาก 600 ตันเป็น 1,054 ตัน การชี้ชวนให้ประชาชนของตนซื้อทองคำสะสม ข่าวพวกนี้ค่อยๆทะยอยออกมาทีละข่าวช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่พอเอามาเขียนเรียงกันให้เราอ่านกัน คงจะเริ่มเห็นภาพใหญ่ใช่มั๊ยครับ ว่าจีนกำลังทำอะไร
World Gold Council มีรายงานออกมาเมื่อเร็วๆนี้ว่า เศรษฐกิจจีนที่มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด อัตราการออมที่สูง คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จะทำให้ตลาดทองคำในจีนเติบโตเป็น 2 เท่าในช่วงทศวรรษต่อไป
chart ด้านล่างดูน่าสนใจครับ การเพิ่มซัพพลายเงิน (M2) ของจีนเปรียบเทียบกับราคาทองคำ ที่ขยับขึ้นมา ดูจะมีความสัมพันธ์กัน ต่างจากซัพพลายเงิน (M2) ของสหรัฐที่เคยนำเสนอในบทความเก่า ไม่ค่อยสัมพันธ์กับราคาทองคำเท่าไหร่
ปัจจุบัน จีนก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 แล้ว ด้านซัพพลายหรือผู้ผลิตทองคำมากที่สุดในโลก ด้วยปริมาณ 313.98 ตันในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน แต่ผลผลิตทั้งหมดยังน้อยกว่าความต้องการในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 5 ปีล่าสุด มีความต้องการเพิ่มขึ้นเฉลี่ยถึง 13% โดยในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ราว 443 ตัน โดยดีมานด์ด้านเครื่องประดับอย่างเดียว 347.1 ตัน หรือ 20% ของตลาดรวมทั้งโลก ส่วนทางด้านการลงทุนอยู่ที่ 80.5 ตัน ยังไม่มาก แต่เทียบปี/ปี เพิ่มขึ้น 22% ตลาดทองคำจีนถือว่าเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น World Gold Council คาดหมายว่าอัตราการเจริญเติบโตน่าจะขยายตัวที่ระดับนี้ต่อไปได้อีก และหากเทียบรายได้ต่อหัวกับประเทศอื่นที่มีวัฒนธรรมที่ผูกพันกับทองคำเช่น เดียวกันอย่างฮ่องกง ใต้หวัน อินเดีย แล้ว ตลาดจีนยังขยายตัวได้อีกมาก
ล่าสุด จีนกำลังร่วมกับ World Gold Council สำรวจและพัฒนาตลาดทองคำของจีน การลดค่าพรีเมี่ยมลง และอาจมีผลิตภัณฑ์การลงทุนรูปแบบเดียวกับกองทุนทองคำ SPDR เพื่อส่งเสริม รองรับการขยายตัวของตลาด ตามเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวต่อเนื่องมาหลายปี ด้วยรายได้ต่อหัว คุณภาพชีวิตประชากรที่ดีขึ้น การขยายตัวของตลาดทองคำของจีนดูจะยังมีโอกาสอีกมาก และน่าจะมีส่วนลดบทบาทความสำคัญของตลาดเดิมลง และบวกด้วยทุนสำรองอันดับ 1 ของโลก แต่มีทุนสำรองทองคำยังน้อยมากเมื่อเทียบกับทุนสำรองทองคำของประเทศชั้นนำ อื่นๆ น่าจะพอเชื่อได้ว่า จีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำหนดทิศทางราคาทองคำแล้ว
พูดถึงจีน ก็ต้องพูดถึงค่าเงินหยวนบ้าง ช่วงนี้กำลังเป็นประเด็น สหรัฐพยายามมานานที่จะให้จีนเลิกผูกค่าเงินหยวนกับดอลล่าร์สหรัฐเสียที เพราะทำให้เงินหยวนมีค่าน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ส่วนจีนก็ปฏิเสธมาตลอด แต่จริงๆกลับมีการเพิ่มค่าเงินหยวนขึ้นมาเรื่อยๆ คาดกันว่าเร็วๆนี้ คงจะมีการปรับค่าเงิน หรืออาจจะถึงกับเซอร์ไพร์สตลาดด้วยการเปลี่ยนนโยบายค่าเงินก็ได้ ยังไม่แน่ชัดนัก แต่ที่แน่คือ ผลที่ตามมา ดอลล่าร์จะอ่อนค่าลง ส่งผลให้ราคาทองคำในเทอมดอลล่าร์เพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนในเทอมค่าเงินหยวน ทองถูกลง ประชากรจีนจะทิ้งของหรือเข้าซื้อ ดูจากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นทุกปี น่าจะพอตอบได้
ข้อมูลเพิ่มเติม:
http://www.gold.org/deliver.php?file=/rs_archive/WOR5797_Gold_Invest_Report_China_Web.pdf
โดย ไทยรัฐออนไลน์
12 เมษายน 2553, 11:50 น.
http://www.thairath.co.th/content/eco/76392