“ออกซฟอร์ด” เลิกผลิตพจนานุกรมเล่ม-มุ่งออนไลน์ หลังกำไรหดหายต่อเนื่อง

[น่ารักสุดๆ]

“ออกซฟอร์ด” เลิกผลิตพจนานุกรมเล่ม-มุ่งออนไลน์ หลังกำไรหดหายต่อเนื่อง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์


เดลีเมล์ - พจนานุกรม “ออกซฟอร์ด” ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ 126 ปีที่แล้ว และได้รับความเชื่อถือจากผู้ใช้ภาษาทั่วโลก เผยจะไม่ผลิตพจนานุกรมเล่มอีกต่อไป
       
       คณะผู้จัดทำ 80 คนที่พัฒนาพจนานุกรมฉบับแก้ไขครั้งที่ 3มานานกว่า 21 ปี จะเผยแพร่ผลงานผ่านทางพจนานุกรมออนไลน์เท่านั้น
       
       สำนักพิมพ์แห่งมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดให้บริการพจนานุกรมออนไลน์มานานกว่า 10 ปี และมีสถิติการเข้าใช้ราว 2,000,000 ครั้งต่อเดือน
       
       ผู้ใช้งานต้องสมัครสมาชิก และเสียค่าธรรมเนียมคนละ 205 ยูโรต่อปี
       
       “ตลาดพจนานุกรมเล่มกำลังจะหายไป โดยยอดขายแต่ละปีลดลงกว่าร้อยละ 10” ไนเจล พอร์ทวูด ผู้บริหารสำนักพิมพ์ฯ วัย 44 ปีระบุ
       
       “แม้จะเป็นเรื่องยากที่จะปรับ แต่จุดประสงค์หลักของเราคือการรวบรวมความรู้ ไม่ใช่แสวงหาผลกำไร”
       
       “วันนี้สื่อสิ่งพิมพ์ยังมีความสำคัญอยู่ แต่หากเป็นไปได้และมีโอกาส เราก็อยากจะลดการผลิตลง”
       
       พอร์ทวูดประเมินว่า พจนานุกรมเล่มจะวางขายในตลาดได้อีกไม่เกิน 30 ปี
       
       พจนานุกรมออกซฟอร์ดฉบับแก้ไขครั้งที่ 3 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2037 และขณะนี้สำนักพิมพ์ฯ ได้หยุดผลิตหนังสืออ้างอิงพร้อมภาพประกอบแล้ว เนื่องจากความนิยมในเวบไซต์วิกิพีเดียที่มีมากขึ้น

 
   
พจนานุกรมเล่มของออกซฟอร์ด
 
 
       กูเกิล เอิร์ธ ส่งผลกระทบเดียวกันต่อสิ่งพิมพ์ประเภทแผนที่ อย่างไรก็ตาม ออกซฟอร์ดซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ใหญ่ที่สุดในบรรดาสำนักพิมพ์ของของสถาบันการศึกษา ยังคงตีพิมพ์แผนที่สำหรับใช้ในโรงเรียนออกมาเป็นครั้งคราว
       
       การรวบรวมคำศัพท์ภาษาอังกฤษพร้อมความหมายเริ่มต้นขึ้นราวศตวรรษที่ 16 ต่อมาในปี 1755 แซมูเอล จอห์นสัน จึงได้จัดทำพจนานุกรมต้นแบบ ที่ถูกใช้เป็นมาตรฐานยาวนานเกือบ 150 ปี
       
       ในปี 1879 สำนักพิมพ์แห่งมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดเริ่มผลิตพจนานุกรม ซึ่งถูกตีพิมพ์เป็นส่วนๆตั้งแต่ปี 1884 เป็นต้นมา พจนานุกรมดังกล่าวถูกรวมเล่มในปี 1928 และต้องใช้เวลาอีก 61 ปีเพื่อแก้ไขปรับปรุงจนสมบูรณ์
       
       ในปี 1989 สำนักพิมพ์ฯผลิตพจนานุกรมฉบับแก้ไขครั้งที่ 2 ซึ่งมี 20 เล่มใน 1 ชุด บรรจุคำศัพท์รวม 291,500 คำ และขายในราคา 650 ยูโร
       
       แม้จะได้รับความนิยมไปทั่วโลก แต่สำนักพิมพ์ฯก็ยังไม่มีกำไรเท่าที่ควร และยังคงเสียงบประมาณหลายล้านปอนด์ต่อปีเพื่อสนับสนุนการวิจัย