Deprecated: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in /var/www/vhosts/taradthong.com/httpdocs/webboard/Sources/Load.php(225) : runtime-created function on line 3
 รถไฮบริด ดีอย่างไร.
TARADTHONG.COM
ธันวาคม 22, 2024, 09:06:43 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ตลาดทองดอทคอม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

Copy Code


หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รถไฮบริด ดีอย่างไร.  (อ่าน 7274 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
น่ารักสุดๆ
Administrator
Hero Member
*****

คะแนนความนิยม: 2330
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1658



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: มิถุนายน 14, 2010, 08:22:39 PM »

รถไฮบริด ดีอย่างไร.

รถไฮบริดได้ถือกำเนิดมา ใช้งานกันบนถนน ก็ไม่นานมานี้ โดยเฉพาะได้ระบาดเข้าไปในสหรัฐ โดยกลุ่มบริษัทญี่ปุ่น ก่อนรถยนต์ท้องถิ่น จะวางตลาดเสียด้วยซ้ำ และเกิดกระแสขายดิบขายดี จนเป็นที่สนใจของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ค่ายอื่นไปตาม ๆ กัน

     กระแสความเห่อของคนอเมริกันไม่ใช่ครั้งนี้เป็นครั้งแรก เมื่ออดีตก็เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งเครื่องยนต์โรตารี่ โดยมาสด้าบุกตลาดสหรัฐในปี 1972 ทำให้ทุกคนเข้าใจว่า ต้องเป็นเครื่องยนต์แห่งอนาคตแน่ ๆ และทุกคนก็อยากเนผู้ทันสมัย ได้มีได้ใช้ก่อน ซึ่งในชนกลุ่มนั้น มันก็มีผม อยู่ในนั้นด้วย เข้าคิวจองรถเป็นเดือน ๆ เมื่อได้รถมาแล้ว ก็เริ่มประหลาดใจที่รถขนาดเล้ก เช่น มาสด้า RX-2 มันถึงได้มีถังน้ำมันใหญ่โต ปานรถอเมริกันขนาดใหญ่ เมื่อเริ่มใช้งานจึงเข้าใจ อ๋อ มันซดน้ำมันพอ ๆ กัน แรก ๆ ก็ไม่เป็นปัญหา ซดเป็นซด แต่มันก็เท่ ที่ได้มีใช้ก่อนคน อื่นๆ ต่อมาอีก 3-4 เดือน เครื่องยนต์ก็มีปัญหา คือในขณะที่เครื่องเย็น มีน้ำเข้าในห้องเผาไหม้ จะมีไอน้ำออกท่อไอเสียจำนวนมาก จนพอ ร้อนได้ที่ อาการก็หายไป เมื่อเข้าไปเคลมซ่อม อาการก็คือ โอริงส์ที่ประกบเครื่องรั่ว ต้องเปลี่ยน และใช้เงินไปเท่าไหร่ไม่ทราบ เพราะอยู่ใน รับประกัน แต่การรับประกันของรถนี้ มีแค่หกเดือนเอง หลังจากนั้นอีก 3-4 เดือน อาการก็กลับมาอีก ละเป็นเวลาที่หมดประกันไปแล้ว มาถึง ตอนนี้เรียกว่าหมดกำลังใจ จึงหาทางกำจัด ซึ่งก็ไม่ยาก เพราะตลาดยังบูม แล้วปัญหาแบบนี้ยังไม่แพร่สะพัด จึงไปเทิร์นเอารถดัทสัน ...... เครื่องยนต์โบราณมาแทน และรถคันนี้ยังอยู่ในครอบครองจนทุกวันนี้ และยังอยู่ในแคลิฟอร์เนีย ในสภาพที่เหมือนใหม่ ส่วนมาสด้าที่ว่า หารถไม่เห็นนานแล้ว
การแตกตื่นของคนอเมริกัน มันเป็นธรรมชาติ อีกทั้งรัฐบาลเขาดูแลประชาชนใกล้ชิด ใครเดือดร้อนประการใด ก็จะมีพวกทนายความ พุงกางมาขอเอี่ยวในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย และฟ้องกันหนักหน่วงดีมาก คือขนาดขายบริษัทปิดกิจการ เอาเงินมาใช้ค่าเสียหายก็ยัง ไม่พอ พวกพ่อค้าต่างชาติจะรู้จักกันดี เพราะโดนมาแล้วกันทั้งนั้น เช่น มิตซูบิชิ เคยทำเครื่องบินเข้าไปขายในอเมริกา เป็นเครื่องขนาดธุร กิจประมาณ 10 ที่นั่ง แรก ๆ ก็เห่อแบบนี้ เพราะมีรูปร่างดี ฝีมือประณีต และเครื่องยนต์กังหันเทอร์ไบน์ของอเมริกัน รวม ๆ แล้วก็น่าจะไป ได้ดี แต่กาลเวลาผ่านไปไม่นานนัก เกิดมีลำหนึ่งบินไปตก ก็เท่านั้นเอง การสอบสวน ไม่ว่าการใดๆ ก็พวกอเมริกันทั้งนั้น พากันลงความเห็น ว่า โครงสร้างไม่แข็งแรง ทำให้เกิดอุบัติเหตุตก ดีงนี้ เครื่องบินมิตซูบิชิทั้งหมดจึงถูกห้ามบิน และก็เป็นช่องทางแห่งการฟ้องร้องเรียกค่า เสียหายเป็นร้อยล้านเหรียญกันทีเดียว เหมือนกับการหลอกไปเข้าคอก แล้วล็อกตัวไปฆ่าอย่างนั้น

     สำหรับในกรณีรถยนต์ไฮบริด ซึ่งก็เห่ออะไรจะปานนั้น เวลานี้ทุกบริษัทยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น เบนซ์ บีเอ็ม หรือกลุ่มรถอเมริกัน ก็ให้ ความสนใจที่จะทำรถอย่างนี้ขึ้นมา ซึ่งเวลานี้เราอาจจำแนกออกได้เป็นสองพวกคือ พวกที่ต้องการแรง กับพวกที่ต้องการประหยัด
พวกที่ต้องการแรงเป็นหลัก ก็จะได้รถที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ปริมาตร ซี.ซี.สูง เช่น ไฮบริดในรถเลกซัส ที่ใช้เครื่องยนต์ วี8 และ มอเตอร์ไฟฟ้าเข้าร่วมโถมพลังกัน ทำให้พลังรวมกันทั้งสิ้นมีกว่า 450 แรงม้า ในการออกตัว แรงม้าระดับนี้จะมีให้ใช้ในระยะสั้น ๆ เพราะ แบตเตอรี่จะหมดพลังไฟฟ้าไปก่อน และต้องรอการชาร์จกลับมาในช่วงที่ไม่ใช้แรงม้าสูง และในระหว่างการลดความเร้ว ก็จะมีการ ดูด พลังงานกลับสู่แบต การชาร์จและการใช้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของแบตเป็นสำคัญ แบตขนาดที่มีพลังสำรองมากมันก็ต้องใหญ่และมีน้ำหนักมาก และก็แพงมากด้วย เพราะแบตของรถพวกนี้จะเป็นแบบลิเธี่ยม-อิออน เหมือนแบตโทรศัพท์สมัยใหม่ ที่มีขนาดเล็กแต่เก็บพลังไฟฟ้าได้มาก และก็แพงมาก แล้วก็ยังมีอายุใช้งาน ถ้ายิ่งในประเทสเขตร้อน อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ก็จะลดลง

     ส่วนรถไฮบริดอีกรูปแบบหนึ่งก็คือเพื่อประหยัด และมีส่วนลดมลภาวะทางไอเสียได้เล็กน้อย แต่มลภาวะของแบตเตอรี่ที่ใช้แล้วจะต้อง ทิ้ง ยังไม่มีใครพูดถึง เพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะเอามาพูดกัน แบตจำพวกนี้ถ้าทิ้งลงในธรรมชาติ ก็จะเกิดสภาวะการแพร่กระจาย และในที่ สุดก็แฝงเข้ามาในร่างกายของมนุษย์ ซึ่งคงเป็นการลดมลภาวะส่วนใหญ่ของโลกก็เป็นได้ เพราะมนุษย์ก็มีส่วนในการทำลายธรรมชาติของ โลกเหมือนกัน


เป็นที่น่าสังเกตอยู่อย่าง ที่บริษัทยักษ์ใหญ่อบ่าง บ๊อช ไปเซ็นสัญญากับบริษัท ซัมซุง ประเทศเกาหลี ให้เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธี่ยม-อิออนให้ เพราะคาดว่าจะมีการผลิตรถยนต์ไฮบริดถึง 3 ล้านคันจากทั่วโลกในปี ค.ศ. 2015 เรียกว่าต้องใช้แบตชนิดนี้กันเป็นจำนวนมาก และโดยกฎหมายใหม่ของอียู คือ ผู้ผลิตสินค้าจะต้องนำสินค้าที่เลิกใช้แล้วกลับไป ทีนี้ก็ต้องเฝ้าระวังว่า สองบริษัทนี้ อย่ามาตั้งโรงงาน ผลิตที่ไทยก็แล้วกัน

     สำหรับรถไฮบริดที่จะมีการนำเสนอในไทย ก็น่าจะเป็นไฮบริดชนิดประหยัด เพราะทราบว่าทางภาครัฐได้มีการลดหย่อนภาษีจนยานเ ลยก้ได้ เพราะจำได้ว่าเมื่อ 3-4 ปีก่อน ฮอนด้าเคยนำเข้า ฮอนด้า ซีวิค ไฮบริด มาทดลองตลาด ซึ่งรถซีวิคในสมัยนั้นราคาอยู่ที่ 800,000 บาท แต่สำหรับ ซีวิค ไฮบริด ราคาอยู่ที่ 1.6 ล้านบาท แสดงถึงมูลค่าของอุปกรณ์ไฮบริดมีอยู่มิใช่น้อย ดังนี้ การซื้อรถในราคาถูกแค่แฝง อะไหล่ราคาแพงไว้ เมื่อต้องซ่อมบำรุง มันต้องมีค่าใช้จ่ายมากอย่างแน่นอน
การทำงานของรถไฮบริ ดทั้งหมดก็คือ การใช้เครื่องยนต์เป็นตัวขับเคลื่อนและชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ด้วย คือ การควบคุมการชาร์จให้อยู่ ในระหว่างการใช้กำลังจากเครื่องยนต์น้อย เช่น การวิ่งที่ระดับความเร้ซปานกลาง ซึ่งใช้พลังขับน้อยหน่อย ก็เอาเวลาช่วงนี้มาปั่นไฟเก็บไว้ อีกกรณีก็คือการลดความเร้ว ก็จะใช้เจนเนอเรเตอร์เป็นตัวหน่วงและปั่นไฟเข้าแบต ซึ่งในส่วนนี้จะมีเปอร์เซ็นต์ในการชาร์จค่อนข้างน้อย แต่ต้องมีระบบควบคุมที่แม่นยำและซับซ้อนหน่อย เพื่อให้การหยุดสมดุลกับการชาร์จไฟ ถ้าจะเปรียบเทียบให้ง่ายหน่อยก็คือ แบบรถไข ลาน ถ้าลานหมด มันก็วิ่งไม่ได้ แต่การขึ้นลาน มันก็ต้องใช้พลังงานใส่เข้าไปก่อน เวลาจะใช้ก็ปลดล็อก ปล่อยให้ลานคลายตัวมาเป็นตัวขับ เคลื่อน แต่การควบคุมกลไกมันทำได้ยาก จึงใช้วิธีทางไฟฟ้า ซึ่งสามารถโปรแกรมให้ควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ได้อย่างละเอียด

     สรุปว่า สำหรับผู้ที่ต้องการความทันสมัยและล้ำยุค ก็ซื้อ แต่ถ้าจะหวังว่าจะประหยัดเงินในกระเป๋า ก็ขอให้คิดทบทวนดี ๆ เพราะตาม กระแสข่าวจากต่างประเทศแว่ว ๆ มาว่า ประหยัดได้เพียง 10-15% เท่านั้น ถ้าอย่างนี้ ซื้อรถที่ติดตั้ง NGV จากโรงงานมาเลย จะไม่ดี กว่าหรือ?
บันทึกการเข้า
loveyou
Administrator
Full Member
*****

คะแนนความนิยม: 29
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 234



ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 19, 2010, 05:40:24 PM »

เป็นอย่างงี้นี่เอง เพิ่งรู้
บันทึกการเข้า

รักนะ...จุ๊บ จุ๊บ
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Powered by MySQL Powered by PHP Valid XHTML 1.0! Valid CSS!