ข้อคิดเตือนใจ...กับพุทธศาสนสุภาษิตน่ารู้(ตอนที่2)
หมวดการปกครอง
สพฺพํ รฏฺฐํ สุขํ เสติ ราชา เจ โหติ ธมฺมิโก : ถ้าผู้ปกครองทรงธรรม ประเทศชาติก็เป็นสุข
สพฺพํ ปรวสํ ทุกฺขํ : การอยู่ในอำนาจของผู้อื่น เป็นทุกข์ทั้งสิ้น
สงฺเกยฺย สงฺกิตพฺพานิ : พึงระแวง สิ่งที่ควรระแวง
ปคฺคณฺเห ปคฺคหารหํ : พึงยกย่องคนที่ควรยกย่อง
ปมาทา ชายเต ขโย : เมื่อมีความประมาท ก็เกิดความเสื่อม
ขยา ปโทสา ชายนฺติ : เมื่อมีความเสื่อม ก็เกิดโทษประดัง
สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ : สักการะฆ่าคนชั่วได้
รกฺเขยฺยานาคตํ ภยํ : พึงป้องกันภัยที่ยังมาไม่ถึง
หมวดสามัคคี
สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี : สามัคคีของหมู่ทำให้เกิดสุข
สูกเรหิ สมคฺเคหิ พฺยคฺโฆ เอกายเน หโต : สุกรทั้งหลายพร้อมเพรียงกันยังฆ่าเสื้อโคร่งได้ เพราะใจรวมเป็นอันเดียว
สาม คฺยเมว สิกฺเขถ พุทฺเธเหตํ ปสํสิตํ สามคฺยรโต ธมฺมฏฺโฐ โยคกฺเขมา น ธํสตํ : พึงศึกษาความสามัคคี , ความสามัคคีนั้น ท่านผู้รู้ทั้งหลาย
เอโส หิ อุตฺตริตโร ภาราวโห ธุรนฺธโร โย ปเรสาธิปนฺนานํ สยํ สนฺธาตุมรหติ : ผู้ใดเมื่อคนอื่นล่วงเกินกันอยู่ ตนเองกลับหาทางเชื่อมเขาให้คืนดีกันได้ ผู้นั้นแล ชื่อว่าเป็นคนเอาภาระ เป็นผู้จัดธุระที่ดียอดเยี่ยม
สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี สมคฺคานญฺจนุคฺคโห สมคฺครโต ธมฺมฏฺโฐ โยคกฺเขมา น ธํสติ : ความพร้อมเพรียงของหมู่เป็นสุข และการสนับสนุนคนผู้พร้อมเพรียงกันเป็นสุข, ผู้ยินดีในคนผู้พร้อมเพรียงกัน ตั้งอยู่ในธรรมย่อมไม่คลาดจากธรรมอันเกษมจากโยคะ
หมวดพบสุข
น หึสนฺติ อกิญฺจนํ : ไม่มีอะไรเลย ไม่มีใครเบียดเบียน
สุขิโน วตารหนฺโต : ท่านผู้ไกลกิเลส มีความสุขจริงหนอ
สกิญฺจนํ ปสฺส วิหญฺญมานํ : คนมีห่วงกังวล ย่อมวุ่นวายอยู่
ยาวเทวสฺสหู กิญฺจิ ตาวเทว อขาทิสํ : ตราบใดยังมีชิ้นเนื้อคาบไว้นิดหน่อย ตราบนั้นก็ยังถูกกลุ้มรุมยื้อแย่ง
ลาโภ อลาโภ ยโส อยโส จ นินฺทา ปสํสา จ สุขํ จ ทุกฺขํ เอเต อนิจฺจา มนุเชสุ ธมฺมา มา โสจิ กึ โสจสิ โปฏฺฐปาท : ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข และ ทุกข์ สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมดาในหมู่มนุษย์ ไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอน อย่าเศร้าโศกเลย ท่านจะโศกเศร้าไปทำไม
นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ : ความสุข (อื่น) ยิ่งกว่าความสงบไม่มี
หมวดทาน
อคฺคสฺส ทาตา ลภเต ปุนคฺคํ : ผู้ให้สิ่งที่เลิศ ย่อมได้สิ่งที่เลิศอีก
ธีโร จ ทานํ อนุโมทมาโน : คนฉลาด พลอยยินดีการให้ทาง
นิวตฺตยนฺติ โสกมฺหา : คนใจการุณ ช่วยแก้ไขคนให้หายโศกเศร้า
เสฏฐนฺทโท เสฏฐมุเปติ ฐานํ : ผู้ให้สิ่งประเสริฐ ย่อมถึงฐานะที่ประเสริฐ
ปุพฺเพ ทานาทิกํ ทตฺวา อิทานิ ลภตี สุขํ มูเลว สิญฺจิตํ โหติ อคฺเค จ ผลทายกํ : ให้ทานเป็นต้นก่อน จึงได้สุขบัดนี้ เหมือนรดน้ำที่โคนให้ผลที่ปลาย
ยถา วาริวหา ปูรา ปริปูเรนฺติ สาคร เอวเมว อิโต ทินฺนํ เปตานํ อุปกปฺปติ : ห้วงน้ำที่เต็ม ย่อมยังสาครให้เต็มได้ฉันใด ทานที่ให้แต่โลกนี้ ย่อมสำเร็จแก่ผู้ละไปแล้วฉันนั้น
โส จ สพฺพทโท โหติ โย ททาติ อุปสฺสยํ อมตนฺทโท จ โส โหติ ธมฺมมนุสาสติ : ผู้ใดให้ที่พักอาศัย ผู้นั้นชื่อว่าให้สิ่งทั้งปวง ผู้ใดสอนธรรม ผู้นั้นชื่อว่าให้อมตะ
อนฺนโท พลโท โหติ วตฺถโท โหติ วณฺณโท ยานโท สุขโท โหติ ทีปโท โหติ จกฺขุโท : ผู้ให้ข้าวชื่อว่าให้กำลัง ผู้ให้ผ้าชื่อว่าให้ผิวพรรณ ผู้ให้ยานพาหนะชื่อว่าให้ความสุข ผู้ให้ประทีปโคมไฟชื่อว่าให้จักษุ
มนาปทายี ลภเต มนาปํ อคฺคสฺส ทาตา ลภเต ปุนคฺคํ วรสฺส ทาตา วรลาภี จ โหติ เสฏฺฐนฺทโท เสฏฺฐมุเปติ ฐานํ : ผู้ให้ของชอบใจ ย่อมได้ของชอบใจ ผู้ให้ของเลิศ ย่อมได้ของเลิศ ผู้ให้ของดี ย่อมได้ของดี ผู้ให้ของประเสริฐ ย่อมถึงฐานะอันประเสริฐ
หมวดศีล
สีลํ โลเก อนุตฺตรํ : ศีล เป็นเยี่ยมในโลก
โย จ วสฺสสตํ ชีเว ทุสฺสีโล อสมาหิโต เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย สีลวนฺตสฺส ฌายิโน : ผู้ไม่มีศีล ไม่มั่นคง ถึงจะเป็นอยู่ตั้งร้อยปี , ส่วนผู้มีศีล เพ่งพินิจ มีชีวิตอยู่วันเดียวประเสริฐกว่า
น เวทา สมฺปรายาย น ชาติ นปิ พนฺธวา สกญฺจ สีลสํสุทฺธํ สมฺปรายสุขาวหํ : เวทมนต์ ชาติกำเนิด พวกพ้อง นำสุขมาให้ในสัมปรายภพไม่ได้ ส่วนศีลของตนที่บริสุทธิ์ดีแล้ว จึงนำสุขมาให้ในสัมปรายภพได้
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย : ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ : ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สี ลํ เสตุ มเหสกฺโข สีลํ คนฺโธ อนุตฺตโร สีลํ วิเลปนํ เสฏฺฐํ เยน วาติ ทิโส ทิสํ : ศีลเป็นสะพานอันสำคัญ ศีลเป็นกลิ่นที่ไม่มีกลิ่นอื่นยิ่งกว่า ศีลเป็นเครื่องลูบไล้อันประเสริฐสุด เพราะศีล (มีกลิ่น) ขจรไปทั่วทุกทิศ
หมวดจิต
จิตฺเตน นียติ โลโก : โลกถูกจิตนำไป
จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ : จิตที่ฝึกแล้วนำสุขมาให้
วิหญฺญตี จิตฺตวสานุวตฺตี : ผู้ประพฤติตามอำนาจจิตย่อมลำบาก
เตลปตฺตํ ยถา ปริหเรยฺย เอวํ สจิตฺตมนุรกฺเข : พึงรักษาจิตของตน เหมือนคนประคองบาตรที่เต็มด้วยน้ำมัน
ยโต ยโต จ ปาปกํ ตโต ตโต มโน นิวารเย : ก็บาปเกิดจากอารมณ์ใด ๆ พึงห้ามใจจากอารมณ์นั้น ๆ
อานาปานสฺสติ ยสฺส อปริปุณฺณา อภาวิตา กาโยปิ อิญฺชิโต โหติ จิตฺตมฺปิ โหติ อิญฺชิตํ : สติกำหนดลมหายใจเข้าออก อันผู้ใดไม่อบรมให้บริบูรณ์ ทั้งกายทั้งจิตของผู้นั้นก็หวั่นไหว
เสโล ยถา เอกฆโน วาเตน น สมีรติ เอวํ นินฺทาปสํสาสุ น สมิญฺชนฺติ ปณฺฑิตา : ภูเขาหินแท่งทึบ ไม่สั่นสะเทือนเพราะลมฉันใด บัณฑิตย่อมไม่หวั่นไหวในนินทาและสรรเสริญฉันนั้น
หมวดกรรม
สาธุ ปาเปน ทุกฺกรํ : ความดี อันคนชั่วทำยาก
ตญฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ : ทำกรรมใดแล้วไม่ร้อนใจภายหลัง กรรมที่ทำนั้นแลเป็นดี
ยา ทิสํ วปเต พีชํ ตาทิสํ ลภเต ผลํ กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ : บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้ผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้ผลชั่ว
นิสมฺม กรณํ เสยฺโย : ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำดีกว่า
รกฺเขยฺย อตฺตโน สาธุ ลวณํ โลณตํ ยถา : พึงรักษาความดีของตนไว้ ดังเกลือรักษาความเค็ม
โย ปุพฺเพ กตกลฺยาโณ กตตฺโถ นาวพุชฺฌติ ปจฺฉา กิจฺเจ สมุปฺปนฺเน กตฺตารํ นาธิคจฺฉติ : ผู้อื่นทำความดีให้ ทำประโยชน์ให้ก่อน แต่ไม่นึกถึง (บุญคุณ) เมื่อมีกิจเกิดขึ้นภายหลัง จะหาผู้ช่วยทำไม่ได้
หมวดความตาย
สพฺพํ เภทปริยนฺติ เอวํ มจฺจาน ชีวิตํ : ชีวิตของสัตว์เหมือนภาชนะดิน ซึ่งล้วนมีความสลายเป็นที่สุด
น มิยฺยมานํ ธนมนฺเวติ กิญฺจิ : ทรัพย์สักนิดก็ติดตามคนตายไปไม่ได้
อฑฺฒา เจว ทฬิทฺทา จ สพฺเพ มจฺจุ ปรายนา : ทั้งคนมีคนจน ล้วนมีแต่ความตายเป็นเบื้องหน้า
ยถา วาริวโห ปูโร วเห รุกฺเข ปกูลเช เอวํ ชราย มรเณน วุยฺ หนฺเต สพฺพปาณิโน : ห้วงน้ำที่เต็มฝั่ง พึงพัดต้นไม้ซึ่งเกิดที่ตลิ่งไปฉันใด สัตว์มีชีวิตทั้งปวง ย่อมถูกความแก่และความตายพัดไปฉันนั้น
อจฺเจนติ กาลา ตรยนฺติ รตฺติโย วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺติ เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน ปุญฺญานิ กยิราถ สุขาวหานิ : กาลย่อมล่วงไป ราตรีย่อมผ่านไป ชั้นแห่งวัยย่อมละลำดับไป ผู้เล็งเห็นภัยในมรณะนั้น พึงทำบุญอันนำความสุขมาให้
หมวดบุญ
ปญฺญํ สุขํ ชีวิตสงฺขยมฺหิ : บุญนำสุขมาให้ในเวลาสิ้นชีวิต
ปุญฺญานิ ปรโลกสฺมึ ปติฏฺฐา โหนฺติ ปาณินํ : บุญเป็นที่พึ่งของสัตว์ในโลกหน้า
มาวมญฺเญถ ปุญฺญสฺส น มตฺตํ อาคมิสฺสติ อุทพินฺทุนิปาเตน อุทกุมฺโภปิ ปูรติ อาปูรติ ธีโร บุญฺญสฺส โถกํ โถกํปิ อาจินํ : ไม่ควรดูหมิ่นต่อบุญว่ามีประมาณน้อยจักไม่มีมาถึง แม้หม้อน้ำย่อมเต็มได้ด้วยหยาดน้ำที่ตกลงมาฉันใด ผู้มีปัญญาสั่งสมบูญแม้ทีละน้อย ๆ ย่อมเต็มได้ด้วยบุญ ฉันนั้น
สหาโย อตฺถชาตสฺส โหติ มิตฺตํ ปุนปฺปุนํ สยํ กตานิ ปุญฺญานิ ตํ มิตฺตํ สมฺปรายิกํ : สหายเป็นมิตรของคนผู้มีความต้องการเกิดขึ้นบ่อย ๆ บุญทั้งหลายที่ตนทำเองนั้น จะเป็นมิตรในสัมปรายภพ
หมวดกิเลส
สงฺกปฺปราโค ปุริสสฺส กาโม : ความกำหนัดเพราะดำริ เป็นกามของคน
น สนฺติ กามา มนุเชสุ นิจฺจา : กามทั้งหลายที่เที่ยง ไม่มีในหมู่มนุษย์
กุหา ถทฺธา ลปา สิงฺคี อุนฺนฬา จาสมาหิตา น เต ธมฺเม วิรูหนฺติ สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิเต : ผู้คนหลอกลวง เย่อหยิ่ง เพ้อเจ้อ ขี้โอ่ อวดดี และไม่ตั้งมั่น ย่อมไม่งอกงามในธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว
นิทฺทํ น พหุลีกเรยฺย ชาคริยํ ภเชยฺย อาดาปี ตนฺทึ มายํ หสฺสํ ขิฑฺฑํ เมถุนํ วิปฺปชเห สวิภูสํ : ผู้มีความเพียรไม่พึงนอนมาก พึงเสพธรรมเครื่องตื่น พึงละความเกียจคร้าน มายา ความร่าเริง การเล่น และเมถุนพร้อมทั้งเครื่องประดับเสีย
อิ จฺฉาย พชฺฌตี โลโก อิจฺฉาวินยายุ มุจฺจต อิจฺฉาย วิปฺปหาเนน สพฺพํ ฉินฺทติ พนฺธนํ : โลกถูกความอยากผูกพันไว้ จะหลุดได้เพราะกำจัดความอยาก เพราะละความอยากเสียได้ จึงชื่อว่าตัดเครื่องผูกทั้งปวงได้
อุเปกฺขโก สทา สโต น โลเก มญฺญตี สมํ น วิเสสี น นีเจยฺโย ตสฺส โน สนฺติ อุสฺสทา : ผู้วางเฉยมีสติทุกเมื่อ ไม่สำคัญตนว่าเสมอเขา ดีกว่าเขา หรือต่ำกว่าเขาในโลก ผู้นั้นชื่อว่า ไม่มีกิเลสเฟื่องฟูขึ้น
ปุราณํ นาภินนฺเทยฺย นเว ขนฺติมกุพฺพเย หิยฺยมาเน น โสเจยฺย อากาสํ น สิโต สิยา : ไม่พึงเพลิดเพลินของเก่า ไม่พึงทำความพอใจในของใหม่ เมื่อสิ่งนั้นเสื่อมไป ก็ไม่พึงเศร้าโศก ไม่พึงอาศัยตัณหา
มูฬฺโห อตฺถํ น ชานาติ มูฬฺโห ธมฺมํ ปสฺสต อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โมโห สหเต นรํ : ผู้หลงย่อมไม่รู้อรรถ ผู้หลงย่อมไม่เห็นธรรม ความหลงครอบงำคนใดเมื่อใด ความมืดมิดย่อมมีเมื่อนั้น
ยสฺส นตฺถิ อิทํ เมติ ปเรสํ วาปิ กญฺจนํ มมตฺตํ โส อสํวินฺทํ นตฺถิ เมติ น โสจติ : ผู้ใดไม่กังวลว่า นี้ของเรา นี้ของผู้อื่น ผู้นั้น เมื่อไม่ถือว่าเป็นของเรา จึงไม่เศร้าโศกว่าของเราไม่มี ดังนี้
หมวดบาป
มลา เว ปาปกา ธมฺมา อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ : บาปธรรมเป็นมลทินแท้ ทั้งโลกนี้และโลกหน้า
อิธ โสจติ เปจฺจ โสจติ ปาปการี อุภยตฺถ โสจติ โส โสจติ โส วิหญฺญติ ทิสฺวา กมฺมกิลิฏฺฐมตฺตโน : ผู้ทำบาป ย่อมเศร้าโศกในโลกนี้ ละไปแล้วก็เศร้าโศก ชื่อว่าเศร้าโศกในโลกทั้งสอง เขาเห็นกรรมอันเศร้าหมองของตน จึงเศร้าโศกและเดือดร้อน
ปาณิ มฺหิ เจ วโณ นาสฺส หเรยฺย ปาณินา วิสํ นาพฺพณํ วิสมนฺเวติ นตฺถิ ปาปํ อกุพฺพโต : ถ้าฝ่ามือไม่มีแผล ก็พึงนำยาพิษไปด้วยฝ่ามือได้ ยาพิษซึมเข้าฝ่ามือไม่มีแผลไม่ได้ฉันใด บาปย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่ทำฉันนั้น
วาณิโชว ภยํ มคฺคํ อปฺปสตฺโถ มหทฺธโน วิสํ ชีวิตุกาโมว ปาปานิ ปริวชฺชเย : ควรงดเว้นบาปเสีย เหมือนพ่อค้ามีพวกน้อยมีทรัพย์มาก เว้นหนทางที่มีภัย และเหมือนผู้รักชีวิตเว้นยาพิษเสียฉะนั้น
หมวดทุกข์
สงฺขารา ปรมา ทุกฺขา : สังขาร เป็นทุกข์อย่างยิ่ง
ทุราวาสา ฆรา ทุกฺขา : เหย้าเรือนที่ปกครองไม่ดี นำทุกข์มาให้
ทฬิทฺทิยํ ทุกฺขํ โลเก : ความจน เป็นทุกข์ในโลก
อิณาทานํ ทุกฺขํ โลเก : การเป็นหนี้ เป็นทุกข์ในโลก
ทุกฺขํ อนาโถ วิหรติ : คนไม่มีที่พึ่ง อยู่เป็นทุกข์
ทุกฺขํ เสติ ปราชิโต : ผู้แพ้ ย่อมอยู่เป็นทุกข์
อกิญฺจนํ นานุปตนฺติ ทุกฺขา : ทุกข์ ย่อมไม่ตกถึงผู้หมดกังวล
ปิยานํ อทสฺสนํ ทุกฺขํ : การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก เป็นทุกข์
หมวดเบ็ดเตล็ด
อวนฏฺฐิตจิตฺตสฺส ลหุจิตฺตสฺส ทุพฺภิโน นิจฺจํ อทฺธุวสีลสฺส สุขภาโว น วิชฺชติ : เมื่อมีจิตใจไม่หนักแน่น เป็นคนใจเบา มักประทุษร้ายมิตร มีความประพฤติกลับกลอกเป็นนิตย์ ย่อมไม่มีความสุข
อิตฺถีธุตฺโต สุราธุตฺโต อกฺขธุตฺโต จ โย นโร ลทฺธํ ลทฺธํ วินาเสติ ตํ ปราภวโต มุขํ : คนใดเป็นนักเลงหญิง นักเลงสุรา และนักเลงการพนันย่อมล้างผลาญทรัพย์ที่ตนได้แล้ว ๆ, ข้อนั้นเป็นเหตุแห่งผู้ฉิบหาย
อุป นียติ ชีวิตมปฺปมายุ ํ ชรูปนีตสฺส น สนฺติ ตาณา เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขามาโน โลกามิสํ ปชเห สนฺติเปกฺโข : ชีวิตคืออายุอันน้อยนี้ ถูกชรานำเข้าไป เมื่อสัตว์ถูกชรานำเข้าไปแล้ว ย่อมไม่มีเครื่องต้านทาน ผู้เล็งเห็นภัยในมรณะนั้น มุ่งความสงบ พึงละโลกามิสเสีย
น ปเรสํ วิโลมานิ น ปเรสํ กตากตํ อตฺตโน ว อเวกฺเขยฺย กตานิ อกตานิ จ : ไม่ควรฟังคำก้าวร้าวของคนอื่น, ไม่ควรมองดูการงานของคนอื่นที่เขาทำแล้วและยังไม่ได้ทำ, ควรพิจารณาดูแต่การงานของตนที่ทำแล้วและยังไม่ได้ทำเท่านั้น
ยถา ปิ มูเล อนุปทฺทเว ทฬฺเห ฉินฺโนปิ รุกฺโข ปุนเรว รูหติ เอวฺมปิ ตณฺหานุสเย อนูหเต นิพฺพตฺตติ ทุกฺขมิทํ ปุนปฺปุนํ : เมื่อรากยังมั่นคงไม่มีอันตราย ต้นไม้แม้ถูกตัด แล้วย่อมงอกได้อีกฉันใด เมื่อตัณหานุสัยยังไม่ถูกกำจัดแล้ว ทุกข์นี้ย่อมเกิดร่ำไปฉันนั้น
หิริโอตฺตปฺปญฺเญว โลกํ ปาเลติ สาธุกํ : หิริและโอตตัปปะ ย่อมรักษาโลกไว้เป็นอันดี
โลโกปตฺถมฺภิกา เมตฺตา : เมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก
อรติ โลกนาสิกา : ความริษยาเป็นเหตุทำโลกให้ฉิบหาย
อโรคฺยปรมา ลาภา : ความไม่มีโรค เป็นลาภอย่างยิ่ง
กาโล ฆสติ ภูตานิ สพฺพาเนว สหตฺตนา : กาลเวลา ย่อมกินสรรพสัตว์พร้อมทั้งตัวมันเอง
สพฺพญฺจ ปฐวึ ทชฺชา นากตญฺญุมภิราธเย : ถึงให้แผ่นดินทั้งหมด ก็ยังคนอกตัญญูให้จงรักไม่ได้
หนนฺติ โภคา ทุมฺเมธํ : โภคทรัพย์ ย่อมฆ่าคนมีปัญญาทราม
สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ : สักการะ ย่อมฆ่าคนชั่วเสีย
นตฺถิ โลเก รโห นาม ปาปกมฺมํ ปกุพฺพโต : ชื่อว่าที่ลับของผู้ทำบาปกรรม ไม่มีในโลก
คราวนี้ เพื่อน ๆ ก็ได้รู้จักพุทธศาสนสุภาษิตที่น่าสนใจกันหลายหมวดแล้ว ยังไงเพื่อน ๆ ก็ลองนำพุทธศาสนสุภาษิตเหล่านี้ ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของเพื่อน ๆ กันดูนะคะ