Deprecated: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in /var/www/vhosts/taradthong.com/httpdocs/webboard/Sources/Load.php(225) : runtime-created function on line 3
 กฎทองของการเลือกซื้อเครื่องสำอาง
TARADTHONG.COM
ธันวาคม 23, 2024, 05:21:21 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ตลาดทองดอทคอม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

Copy Code


หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กฎทองของการเลือกซื้อเครื่องสำอาง  (อ่าน 5043 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
น่ารักสุดๆ
Administrator
Hero Member
*****

คะแนนความนิยม: 2330
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1658



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: ธันวาคม 25, 2010, 01:31:04 AM »

กฎทองของการเลือกซื้อเครื่องสำอาง (Lisa)

           เพื่อให้คุณได้เมคอัพทุกชิ้นที่เหมาะกับคุณ และใช้งานมันอย่างสมคุณค่า เรามีกฎทั่วไปในการเลือกซื้อเมคอัพ ที่คุณควรคำนึงถึงควรทั้งเคล็ดลับอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับการจัดการกับกระเป๋าเครื่องสำอางของคุณด้วย

กฎการเลือกซื้อเมคอัพ

         ต้องลองด้วยตัวเอง อายแชโดว์สีใหม่อาจดูดีเวลาที่ผู้เชี่ยวชาญแต่งให้คุณ แต่เมื่อคุณซื้อกลับบ้าน คุณก็ต้องพึ่งตัวเองแล้ว มันจึงจำเป็นที่จะต้องหาเครื่องสำอาง ที่คุณจะสามารถแต่งได้ด้วยตัวเอง ขอให้พนักงานขายแสดงให้ดูว่า คุณจะใช้มันเองได้อย่างไรเมื่อกลับถึงบ้าน

         เช็คสีกับแสงแบบต่าง ๆ เมคอัพอาจดูแตกต่างออกไปในแสงที่ต่างกัน โดยเฉพาะรองพื้น และเมคอัพที่ใช้เพื่อปรับสีผิว เครื่องสำอางยังอาจดูแตกต่างกันได้อีกเมื่อมันเช็ตตัว ซึ่งต้องใช้เวลาอีกสองสามหรือนาทีเพื่อที่จะเห็นความแตกต่าง ฉะนั้น หลังจากลองเมคอัพที่คุณชอบแล้ว ลองเดินออกไปข้างนอก และดูเมคอัพของคุณในแสงธรรมชาติที่ต่างไปจากแสงที่เคาน์เตอร์

         อย่าทาสีทับกัน บ่อยครั้งเวลาที่เราลองสีลิปสติก เรามักจะทาสีต่างๆ ผสมกันไปมาจนบางทีเมื่อสีที่เราลองผสมกันกลายเป็นสีที่ดูสวยสดใส ซึ่งคุณเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสีสุดท้ายที่คุณลอง แล้วก็ซื้อมาแต่เมื่อมาลองในวันต่อมา มันกลับดูไม่เหมือนสีที่คุณลองเมื่อวานเลย สิ่งที่ควรทำเวลาลองสีที่ต่างกันก็คือ ให้แน่ใจว่า คุณเช็ดสีก่อนหน้านั้นออกหมดแล้วเพื่อที่คุณจะได้เห็นว่าสีจริง ๆ เป็นอย่างไร

         เชื่อตัวเอง เราทุกคนต่างรู้ดีว่าพนักงานขายมักกดดัน คนซื้อเพื่อที่จะขายของได้ และอาจบอกว่ามันดูดีทั้งๆ ที่ไม่ใช่ ฉะนั้น เชื่อในความรู้สึกแรกของตัวเองที่เห็นหรือถ้าคุณไม่แน่ใจ ก็พาเพื่อนหรือญาติสนิทที่คุณไว้ใจไปด้วย เมื่อมีสองความเห็น อาจทำให้พนักงานขายไม่กล้ากดดันให้คุณซื้อของที่ไม่เหมาะกับคุณ แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือให้แน่ใจว่าคุณเองก็ชอบเมคอัพที่คุณลอง

อะไรที่ควรทุ่มทุน

         แชมพู แชมพูบางชนิดอาจมีส่วนผสมของสารทำความสะอาดที่มีฤทธิ์แรงเกินไป จนทำให้เส้นผมสูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติ ซึ่งแชมพูดี ๆ โดยทั่วไปมักไม่ใช้ส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อเส้นผม และยังมีความเข้มข้นสูง คุณจึงไม่ต้องใช้ในปริมาณมาก ซึ่งก็เท่ากับช่วยประหยัดเงินให้คุณได้ เพราะไม่ต้องเสียเงินซื้อบ่อย ๆ

         แปรงหรือพู่กันแต่งหน้า การซื้อแปรงหรือพู่กันแต่งหน้าดี ๆ มาใช้นั้นนับเป็นการลงทุนที่คุ้นค่า เนื่องจากแปรงและพู่กันพวกนี้มักใช้ขนแปรงธรรมชาติ และใช้มือในการประกอบ จึงมักจะมีราคาแพง แต่ถ้าคุณดูแลดี ๆ ก็สามารถใช้แต่งเติมความงามให้คุณได้ไปนานแสนนาน

         ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอาง คุณจำเป็นต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอาง ที่สามารถทำความสะอาดสิ่งสกปรก ที่ติดอยู่ในรูขุมขนได้อย่างมีสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณใช้เครื่องสำอางแบบกันน้ำ นอกจากนี้ ผิวรอบดวงตาและริมฝีปากยังต้องการการทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน ซึ่งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดคุณภาพต่ำ อาจสร้างความระคายเคืองให้แก่ผิวในบริเวณนั้นได้

         อุปกรณ์แต่งผม เนื่องจากอุปกรณ์แต่งผมด้วยความร้อนอย่างไดร์เป่าผม และคีมรีดผมไฟฟ้าแบบที่มีราคาถูกนั้นมักจะทำจากวัสดุที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้เส้นผมต้องสัมผัสกับความร้อนมากเกินไป ส่งผลให้เส้นผมแห้งกรอบและสูญเสียความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ คุณจึงควรทุ่มทุนซื้อคีมรีดผมไฟฟ้าแบบที่มีแผนนำความร้อน ที่ทำจากเซรามิก หรือไดร์เป่าผมระบบไอออนนิก ซึ่งอ่อนโยนต่อเส้นผมมากกว่า

         ครีมรองพื้น ครีมรองพื้นดีๆ มักจะใช้แต่ส่วนผสมที่มีคุณภาพ ซึ่งจะทำให้ผิวหน้าของคุณดูเนียนใสไร้ริ้วรอยเหมือนไม่ได้ทารองพื้น ส่วนผสมที่ว่านั้นก็ได้แก่ชิลิก้าหรือชิลิโคนในรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้ครีมรองพื้นมีเนื้อครีมที่เรียบเนียน แถมยังมีความยืดหยุ่นพอจะไม่ทำให้เกิดรอยแตกหรือรอยยับย่นใด ๆ บนผิวหน้าด้วย

         ลิปสติก ลิปสติกแบบที่ไม่มีส่วนผสมของสารที่ให้ความชุ่มชื้นใดๆ อาจทำให้ริมฝีปากแห้งและเหนียวเหนอะหนะได้ การเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยเพื่อซื้อลิปสติกดีๆ มาใช้ จะส่งผลดีต่อริมฝีปากของคุณมากกว่า และถ้าจะให้ดียิ่งไปกว่านั้น ก็ควรมีส่วนผสมของสารกันแดด ที่ช่วยปกป้องริมฝีปากจากรังสียูวีในแสงแดดได้ด้วย

         บลัชออน คุณควรเลือกซื้อบลัชออนแบบเดียวกับที่เลือกซื้อครีมรองพื้น เพราะการจะปัดแก้มให้ดูเรียบเนียนได้ ก็ต้องอาศัยส่วนผสมที่มีคุณภาพ

         มาสคาร่า มาสคาร่าคุณภาพต่ำมักจะจับตัวเป็นก้อน และทำให้ขนตาจับตัวติดกัน แถมยังแห้งเร็วเกินไปอีกด้วย แต่มาสคาร่าคุณภาพดีมักจะช่วยทำให้ขนตาของคุณดูคมเข้มได้อย่างนุ่มนวล

อะไรที่ควรประหยัด

          ยาทาเล็บ เนื่องจากมักจะมีอายุการใช้งานน้อย และเทรนด์แฟชั่นสีเล็บก็มักจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ฉะนั้น ทางที่ดีก็ควรซื้อแบบขวดเล็กๆ มาใช้ และไม่ควรเลือกแบบแห้งเร็ว เพราะมีโอกาสจะแห้งคาขวดได้ง่ายมาก

          ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้คุณไม่ต้องเลือกอะไรมาก เพราะจุดประสงค์ของมันก็คือใช้ทำความสะอาดใบหน้า โดยไม่ทำลายความชุ่มชื้นตามธรรมชาติบนผิวหน้า ถ้าจะเลือกก็ควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวเท่านั้น อย่างเช่น ถ้าผิวของคุณแห้งมากก็เลือกใช้ชนิดครีม แต่มีผิวมันก็เลือกใช้แบบเจล

          ครีมกันแดด สิ่งที่คุณควรให้ความสนใจมากกว่าเรื่องราคาก็คือค่า SPF โดยควรเลือกแบบที่มีค่า SPF 15 ขึ้นไปสำหรับสาวออฟฟิศทั่วไป แต่ถ้าต้องออกไปอยู่กลางแจ้งนานๆ ก็ควรเลือกแบบที่มีค่า SPF 30 เรื่อยไปจนถึง 60 แต่ถ้าคุณมีผิวที่แพ้ง่าย ก็อาจจำเป็นต้องเลือกใช้ยี่ห้อดีๆ ที่ทำขึ้นมาสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ

          อายครีม ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผิวรอบดวงตาส่วนใหญ่ มักเป็นผลมาจากผิวแห้งและขาดความชุ่มชื้น ฉะนั้น ใช้อายครีมที่ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้ก็พอ ไม่จำเป็นต้องเลือกแบบที่มีส่วนผสมอะไรพิเศษหรอก

          ลิปบาล์ม ส่วนผสมของลิปบาล์มยี่ห้อไหนๆ ก็มักไม่แตกต่างกัน นั่นคือขี้ผึ้ง กลีเซอรีน และสารให้ความชุ่มชื้นอื่นๆ แต่ถ้าใช้แล้วยังรู้สึกแห้งกร้านก็ควรโยนทิ้งไป เพราะอาจสร้างความเสียหายให้ริมฝีปากได้

          คอนดิชันเนอร์ เราต่างรู้ดีว่าคอนดิชันเนอร์นั้นช่วยฟื้นฟูผมที่แห้งเสียให้เราได้ จึงมีคอนดิชันเนอร์ดีๆ อยู่ในท้องตลาดมากมาย รวมทั้งแบบราคาถูกที่วางขายตามซูเปอร์มาร์เก็ตด้วย

เครื่องสำอางมีอายุใช้งานเหมือนกันนะ

          รองพื้น มีสองแบบคือแบบสูตรน้ำกับสูตรน้ำมัน อย่างแรก มีอายุราว 12 เดือน อย่างหลังจะอยู่ได้นามกว่าคือ 18 เดือน หลังจากเปิดใช้ ถ้าคุณสังเกตเห็นสีที่เปลี่ยนไป หรือมีกลิ่นไม่ดี ก่อนเวลาก็ไปซื้อใหม่ได้แล้วล่ะ

         คอนซีลเลอร์ สามารถใช้ได้นานถึง 12 เดือน แต่ถ้ามันเริ่มแห้งแข็งก็โยนมันทั้งไปก่อนได้เลย

         แป้ง แป้งฝุ่นจะใช้ได้นานสองปี ส่วนแป้งแข็งจะอยู่ได้ราวหนึ่งปี เพราะน้ำมันที่สะสมอยู่ในฟองน้ำที่ใช้ทำให้มันเสียได้ง่ายกว่า ฉะนั้น ควรทำความสะอาดฟองน้ำอย่างสม่ำเสมอ และก็แผ่นพลาสติกที่รองกั้นระหว่างแป้งกับฟองน้ำเอาไว้ เพื่อไม่ให้มันสัมผัสกับแป้งโดยตรง

         อายแชโดว์ สามารถใช้ได้นานถึงสามปี แต่ถ้ามันเริ่มแตกร่อน ก็ควรหาอันใหม่ได้แล้ว

         ดินสอเขียนขอบตา อยู่ได้นานถึงสามปี แต่ให้แน่ใจง่ายเหลามันอยู่เสมอ ส่วนแบบดินสอที่ไม่ต้องเหลาอาจแห้งได้ง่ายกว่า และถ้ามันแห้งก็ควรโยนทิ้งไปได้แล้ว

         มาสคาร่า ใช้ได้ราว 4 เดือน ถ้าเก็บไว้นานกว่านั้นมันจะแห้งแข็งและทาได้ยาก

         ลิปสติก หนึ่งถึงสองปี แต่วิธีที่ดีที่สุดที่จะตักสินก็คือ คนกลิ่นดูว่ามันมีกลิ่นแปลกไปจากที่เคยเป็นหรือเปล่า

         ยาทาเล็บ ใช้ได้ราวหนึ่งปี และพยายามอย่าให้มีอะไรบ่นเปื้อนลงไปในขวด
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Powered by MySQL Powered by PHP Valid XHTML 1.0! Valid CSS!