Deprecated: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in /var/www/vhosts/taradthong.com/httpdocs/webboard/Sources/Load.php(225) : runtime-created function on line 3
 ห่วงไอคิวเด็กไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 91 จุด ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก
TARADTHONG.COM
ธันวาคม 23, 2024, 06:10:30 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ตลาดทองดอทคอม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

Copy Code


หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ห่วงไอคิวเด็กไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 91 จุด ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก  (อ่าน 5015 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
น่ารักสุดๆ
Administrator
Hero Member
*****

คะแนนความนิยม: 2330
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1658



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2010, 09:56:07 PM »

ไอคิวเด็กไทยแค่ 90 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 100 (ไทยโพสต์)

          กรมสุขภาพจิตเตรียมวัดไอคิวเด็กไทย ประถม-มัธยม ใช้แบบทดสอบเกณฑ์มาตรฐานโลกเพื่อนำมาเป็นข้อมูลผลักดันไอคิวเด็กไทยให้สูงขึ้น หลังพบค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 91 จุด ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่อยู่ระดับ 100 จุด คาด ม.ค.ปี 54 รู้ผล

          นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ พร้อมด้วย นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมสุขภาพจิต และผู้บริหารกรมสุขภาพจิต ร่วมแถลงโครงการ "สมองเด็กไทย...รอไม่ไหวแล้ว" เพื่อมุ่งพัฒนาไอคิวเด็กไทย โดยนายจุรินทร์กล่าวว่า จากผลสำรวจไอคิวเด็กไทยล่าสุด เมื่อปี 2552 พบว่า ไอคิวเด็กไทยอยู่ที่ 91 จุด ขณะที่มาตรฐานสากลอยู่ที่ 90-110 จุด ถือเป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วง ซึ่งสาเหตุสำคัญเกิดจากการขาดสารไอโอดีน ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขจึงได้ออกประกาศกำหนดให้ เกลือ น้ำเกลือปรุงอาหาร น้ำปลา และซอสปรุงรส เป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องใส่ไอโอดีน โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีการกำหนดให้แจกไอโอดีนเม็ดแก่หญิงตั้งครรภ์ทั่วประเทศ คาดว่ามีประมาณ 800,000 - 1,000,000 คนต่อปี การกำหนดให้เด็กแรกเกิดทุกคนเข้ารับการตรวจฮอร์โมนไธรอยด์ ซึ่งหากพบว่ารายใดมีปัญหาจะได้แก้ไขได้ทันที รวมถึงการให้หนังสือเล่มแรกแก่เด็กแรกเกิดหรือบุ๊กสตาร์ท

          นายจุรินทร์ กล่าวว่า นอกจากนี้ตนยังได้มอบหมายให้กรมสุขภาพจิตทำการสำรวจไอคิวคนไทยทั่วประเทศจำนวน 92,000 คน ซึ่งเป็นการสำรวจครั้งแรกของไทยที่ใช้แบบทดสอบตามเกณฑ์มาตรฐานสากล สำรวจลงลึกเป็นรายจังหวัด คาดว่าจะใช้เวลาสำรวจ 1 เดือน ทั้งนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลเพื่อนำมาพัฒนาไอคิวคนไทยต่อไปในอนาคต โดยจะมีการตั้งเป้าจำนวนไอคิวที่จะขยับเพิ่มขึ้นภายใน 5 ปี นพ.อภิชัยกล่าวว่า การสำรวจครั้งนี้จะใช้แบบทดสอบ Standard Progressive Matrices Pararell (SPM.) ซึ่งเป็นเครื่องมือทดสอบไอคิวระดับโลก ให้เวลาทำแบบทดสอบ 40 นาที โดยจะสำรวจในเด็กชั้นประถมและมัธยมในทุกจังหวัด เก็บข้อมูลในวันที่ 13-24 ธ.ค.นี้ และจะทราบผลในเดือน ม.ค.2554 ซึ่งการสำรวจของไทยครั้งนี้ยังถือเป็นการสำรวจไอคิวครั้งใหญ่ที่สุดในโลก เพราะมีการสำรวจโดยใช้จำนวนคนมากที่สุดถึงเกือบ 1 แสนคน จากเดิมซึ่งมีบางประเทศทำอยู่ที่ 60,000 คนเท่านั้น

          นพ.อภิชัยกล่าวว่า ภาพรวมค่าเฉลี่ยไอคิวประชากรโลกอยู่ที่ 100 จุด โดยประเทศจีนและญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีประชากรมีค่าเฉลี่ยไอคิวสูงที่สุด โดยเฉพาะเมืองเซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่มีค่าเฉลี่ยไอคิวสูงที่สุดในโลก โดยเห็นได้จากที่คนญี่ปุ่นมีค่าไอโอดีนในปัสสาวะมากกว่าค่าปกติถึง 20 เท่า

          ด้าน นพ.ยงยุทธ์ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ หัวหน้ากลุ่มที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวว่า การสำรวจครั้งนี้เป็นการเก็บข้อมูลรายจังหวัด ทำให้ได้ข้อมูลตามความเป็นจริงว่า เด็กในจังหวัดใดมีไอคิวเท่าไหร่ เนื่องจากในแต่ละจังหวัดมีฐานไอคิวต่างกัน โดยผลสำรวจที่ได้จะนำมาวางแผนพัฒนาไอคิวเด็กไทยต่อไป โดยเฉพาะในเรื่องระบบการสอนจากเดิมที่เราสอนเด็กไทยบนพื้นฐานไอคิวที่ 90 จุด แต่จากนี้จะเป็นปรับการสอนเด็กไทยบนพื้นฐานไอคิว 100 จุด เป็นต้น

          ขณะที่ นพ.อุดม เพชรสังหาร รองประธานคณะกรรมการบริหารบริษัท รักลูกกรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บ้านเราจำเป็นต้องพัฒนาคน หากไม่เพิ่มศักยภาพเด็กไทยก็จะไปไม่รอด การให้ไอโอดีนเป็นเพียงแค่การสร้างฮาร์ดแวร์ให้กับเด็กไทย แต่มีเพียงแค่ฮาร์ดแวร์คงไม่ได้ ซึ่งต้องใส่ซอฟต์แวร์ลงไปด้วย โดยผ่านการเล่น การเรียน เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้เรารอไม่ได้ เพราะขณะนี้ประเทศไทยกำลังเจอปัญหา 2 ด้าน คือ เรามีเด็กเกิดน้อยลง ขณะเดียวกันจำนวนผู้สูงอายุก็เพิ่มมากขึ้น หากเราไม่พัฒนาเด็กให้ดี ในอนาคตเราจะเป็นผู้สูงอายุที่มีลูกหลานที่ไม่มีศักยภาพแบกรับ

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Powered by MySQL Powered by PHP Valid XHTML 1.0! Valid CSS!