เห็นกองทุนซื้ออย่างนี้แล้ว เป็นไปได้ว่าน่าจะขึ้น ดังนั้นอย่างไรเสียต้องระวัง และเล่นระยะสั้นนะครับ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
กราฟราคาทอง....รายวัน (ปี 3)
« ตอบ #5490 เมื่อ: วันนี้ เวลา 06:36:08 » อ้างถึงคุณอาวเอี้ยงฮง webร้านทอง
และแล้วที่นิ้วโยกก็ไม่ทำให้ผิดหวัง จัดการซะร่วงลงไปต่ำสุดถึง 1214.68 ฟอร์มคลื่นขาขึ้นชุดที่ผ่านมาจึงถูกทำลายถือว่าจบสิ้นเบ็ดเสร็จไปแล้วครับ จากนี้
จะเปนการฟอร์มขาลง จะเป็น abc หรือ 12345 อันนี้ยังยากที่จะคาดเดาหรือนินทา ณ เวลานี้ แต่สิ่งหนึ่งที่อยากให้ดูไว้คือ stoch บัดนี้ลงมาถึงเขตขายกัน
จนเวอร์แล้ว น่าจะมีเด้งกันบ้าง rsi 41 ถ้านับจากยอดสุดที่ 71 ก้อถือว่าลงมามากแล้วเหมือนกัน แต่ macd ยังไร้อนาคต อยู่ใต้เส้น signal และอยู่ในแดน
ลบ ถ้าคิดจะเข้าถือว่า เสี่ยง ถ้าถูกก้อคุ้มไม่ถูกก้อหนาว ราคาลงมาชนกรอบแบนด์ล่างของ boilinger band น่าจะเอาอยู่
ความเห็น ขาขึ้นจบครบถ้วน ไปแล้ว และ กำลังฟอร์มขาลง อาจจะนับ a หรือ 1 ได้ สำหรับ 1214 จากนี้ต้องมี b หรือ 2 คนที่ติดมือ รอจังหวะสองก้อจัดการ
ได้ครับ ส่วนใครอยากเข้า ใจเย็น ๆ ราตรีนี้ยังเยาว์ ถ้าเด้งไม่ถึง 1230 มีหวังเห็น 1210 ถึง 1191 กันละครับ กราฟเดย์ไม่ค่อยจะดีเท่าไร ขืนลงอีกวันสองวัน
คงจบเห่ละครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จาก Beverman
ระยะยาวขึ้นครับ แต่ระหว่างทางขึ้นต้องพบอุปสรรคการทุบเทขาย เป็นธรรมดาครับ
ผมยังมองว่าระยะยาวขึ้น แต่ระหว่างทางกราฟ ราคาอาจจะลงเบาบ้าง ลงแรงบ้างสลับกันไป
ดังนั้นการจะตอบว่าทองมีโอกาสขึ้นหรือลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของเวลาด้วยครับ ว่าระยะยาวหรือ ระยะสั้น
เช่นผมบอกว่าภาพรวมระยะยาวขึ้น หมายความว่า ....
ภาพรวมขึ้น แต่ในภาพรวมที่ขึ้นหากนำมาซอย เป็นภาพเล็กๆ แล้วเอาแว่นขยายซูมเข้าไปดู ท่าน
อาจพบรูปกราฟเล็กๆอีกมากมาย แสดงการปรับขึ้น-ลงของราคาหลายๆรอบก็ได้ ดังนั้นขึ้นอยู่ว่าจะดูภาพรวมหรือดูภาพเล็กย่อยๆ
ถ้าถาม เป็นรอบ ต้องมองว่ารอบเล็กหรือรอบใหญ่อีก
รอบเล็ก คือ..........การที่ราคาทองขึ้นและลงปรับในช่องว่างราคาไม่มากเท่าไหร่และกินเวลาไม่นาน
ส่วนรอบใหญ่ คือ....ช่องว่าของการขึ้นลงของราคาค่อนข้างกว้าง แถมกินเวลานานในการปรับฐาน
อธิบายมาซะนานสรุปแบบสั้้นๆ แล้วกันว่า ระยะยาวมองว่าไปได้อีก คือขึ้นครับ ระยะยาวผมคือ ถึงสิ้นปีนี้เป็นอย่างน้อย
ส่วนที่ถามว่ารอบนี้จะลงลึกไหม รอบนี้ไม่น่าลึกมาก น่าจะเด้งขึ้นมีอีกครั้ง แต่รอบต่อไปสิไม่แน่
คือถ้ามองภาพเล็กเดี๋ยวจะงงว่า รอบหน้านี้สัปดาห์ไหน เอาไรเป็นเกณฑ์ว่ามีการเปลี่ยนรอบแล้ว เดี๋ยวจะงง
เอาเป็นว่า ผมมองภาพระยะยาวขึ้นได้อีกครับ ท่านขิง หากอ่านบทความวิเคราะห์คาดเดา แล้วงง
ผมต้องขอโทษด้วยพยายามอธิบายเต็มที่แล้ว
ผมขออ้างอิงที่วิเคราะห์คาดเดาอีกรอบ นะครับ และขอย้ำว่า "บทความนี้เป็นการวิเคราะห์ระยะยาว ไม่ใช่รายวัน หรือ ไม่ใช่รายรอบ "
ดังนั้น ระหว่างทางอาจมีการลงแรงบ้าง ลงเบาบ้าง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือ ภาพรวมระยะยาวเป็นอย่างไร นั้นคือสิ่งที่บทความผมพยายามสื่อ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คิดเงินได้ทอง คิดทองได้เงิน กับ ดร.จ๋า
« ตอบ #485 เมื่อ: วันนี้ เวลา 09:49:27 am »จากwebไทยโกลด์ ขอบคุณค่ะ
--------------------------------------------------------------------------------
เดาทองเช้าวันศุกร์ ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2010
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (10 มิ.ย.) ซึ่งเป็นการร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการ วันนี้จึงเป็นวันที่ 3 ที่แดงติดต่อกัน จากเหตุผลที่ว่า ภายหลังจากสำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) กล่าวว่า ตลาดทองคำมีขนาดเล็กและผันผวนเกินกว่าที่จีนจะนำเงินในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศออกมาลงทุนเป็นช่องทางหลัก นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีน สหรัฐ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ยังทำให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง จึงทำให้ทองล่วงทันตาเห็นเลยค่ะ
***เหตุผลที่ทองยังคงไม่ลงลึก เพราะ เมื่อคืน ***กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ซื้อเพิ่มขึ้น 7.61 ตัน รวมเป็น 1306.14 ตัน จึงมีผลต่อจิตวิทยาการลงทุนต่อฝั่งเอเชียวันนี้มาก
***สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำ COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 7.70 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,222.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,216.20 - 1,236.00 ดอลลาร์
………………………………………..
กราฟรายวัน มีรายละเอียดดังนี้ ค่ะ
1. MACD ทั้งเส้นสัญญาณ และแท่งฮิสโตรกรม มีสัญญาณเป็นบวก ก็จริง
แต่อารมณ์ตลาดเป็น ลบ ต่อเนื่องจากเมื่อวานมาก เพราะมีแต่คนขายทำกำไร
เพราะ ค่าMACD คือ การใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หากำลังแนวโน้มของทิศทางว่ามีพลังมากน้อยแค่ไหน บอกว่า
MACD (12,26,9) = มีค่าเป็นบวก คือ แท่งฮิสโตรแกรม 10.734 และ เส้นสัญญาณ เท่ากับ 11.8421
การที่เส้นค่าเฉลี่ยแนวโน้มมีค่าเฉลี่ยได้ระดับนี้แสดงถึงพลังที่มาก แต่ยังไม่มากพอที่จะแสดงว่า ทองจะมีแนวโน้มที่จะทะยานขึ้นต่อไปได้อีกอย่างรวดเร็วในระยะอันใกล้นี้
2.Sto. เป็นตัววัดแนวโน้มที่ให้ทิศทางราคาทองคำ ปัจจุบันได้ปรับตัวโค้งลงแล้วหลังจากมีการเทขายทำกำไรได้ไปตลอดทั้งวันเมื่อวานและเมื่อคืนนี้
*วันนี้ค่าSto. (8,3,3) เส้น Main สีเขียวลดลง คือ % K = 47.9952
เส้นสีแดงคือ เส้น single สีแดง คือ % D = 60.5419
แปลความได้ว่า แนวโน้มราคาทองคำได้ขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว จึงมีการขายทำกำไรอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันสองเส้นได้วิ่งไปในทิศทางเดียวกัน จึงได้ปรับฐานเป็นขาลงในระยะสั้นๆ แล้วคงทะยานขึ้นต่อ
3.Rsi. ((Relative Strength Index) เป็นเครื่องมือวัดพลังของคลื่น หรือความแข็งแกร่งของคลื่น เมื่อเทียบกับตัวมันเองในการวัดราคาที่วิ่งขึ้นและวิ่งลงในช่วงเวลาที่ผ่านมา
*วันนี้ค่า RSI. (13) สีเขียว = 54.229 (เมื่อวาน 59.5301 ) ลดลง
และ RSI. (5) สีม่วง = 46.5419 (เมื่อวาน 57.6378) ลดลง
แสดงว่า แรงเทขายในตลาดระยะสั้นค่าเฉลี่ย 5 วัน พลังของคลื่นแข็งแกร่งอยู่ในระดับกลาง มีกำลังซื้อต่ออัตราส่วนการขายเป็น 1 : 1 ปัจจุบันจึงอ่านกราฟได้ว่าสามารถออกได้สองด้านทั้งขึ้นและลงเท่าๆกัน
และในระยะปานกลาง 13 วัน ก็ยังบ่งชี้ว่า มีพลังขายมากเท่ากับการซื้อ ในอัตรา 1:1
4.ADX. คือ ดัชนีทิศทางเฉลี่ย ใช้สำหรับดูแนวโน้มตลาดหรือทิศทางของเทรน ว่า ขึ้นหรือลง และADX มีให้วิเคราะห์ทั้งหมด 3 เส้น คือ
เส้น ADX(14) = 18.6642 (เมื่อวาน 22.9712) ลดลง
+DI = 18.9090 (เมื่อวาน 21.8180) ลดลง
และ –DI = 18.5624 (เมื่อวาน 16.8798)ลดลง
และ 1) ADX >40 เทรนด์แรงมาก 2) ADX > 20 มีเทรนด์ลง 3) ADX <20 Sideway
การอ่านค่า ADX คือ วันนี้เทรนน่าจะยังคงไซด์เวย์ Down ค่ะเพราะเส้นสีเขียวได้ตัดลงแล้ว นั่นคือ ยังคงเป็นการปรับฐานและมีเทรนลง
และจะ มีการเปลี่ยนทิศแน่ถ้า เส้นสีฟ้ามากกว่า 40 และ +DI คือ สีเขียว อยู่เหนือ –DI สีแดง มากกว่านี้ แสดงว่าแนวโน้มขึ้นแย่กว่าเมื่อวานมากวันนี้ค่า ADX. ไม่เป็นบวกกับตลาด
5. ค่า Forcast osc 30 M
เส้นสัณญาณสีฟ้ามีค่า = -0.9412 (เมื่อวาน -0.6796) ติดลบมากว่าเมื่อวานอีก
และ เส้นสัญญาณสีแดง= .1.163 (เมื่อวาน -0.5050 ) จะเห็นว่า การเทขายราคาทองเมื่อคืน ทำให้มีเทรนลง จึงมีค่าติดลบแล้ว คงต้องรอ Volume สักระยะถึงจะมีค่าเป็นบวก
6. ค่า Ichimoky ยังคงมีเทรน Positive กับราคาทองคำ เพราะ แท่งเทียนอยู่เหนือ เมฆหมอกทั้งหมดค่ะ ส่วนเส้นสัญญาณทั้งหมด มีหลายเส้น ขอไม่อธิบายในรายละเอียดนะคะ
ดังนั้น วันนี้น่าจะเป็นลบ ถ้าพิจารณาตาม indy. ที่กล่าวมาในข้างต้น
***กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ซื้อเพิ่มขึ้น 7.61 ตัน รวมเป็น 1306.14 ตัน
สรุปวันนี้
• วันนี้ราคาทองคำน่าจะปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง เป็นวันที่สาม ตามกราฟรายวันที่เกิดแท่งแดง และอารมณ์ตลาดน่าจะเป็นลบ แต่ก็เป็นบวกว่า กองทุน SPDR Gold Trust ยังไม่เทขายทองเลย
***เลือกเอาเองค่ะ ว่าจะกอดแบบแน่นๆ หรือขายต่อ อาจารย์มาทำหน้าที่วิเคราะห์ให้เท่านั้น ส่วนการตัดสินใจอย่างรอบคอบต้องตัดสินใจเอง
แนวต้านและแนวรับประจำวัน :
*****แนวต้าน Fibo.ที่ 50.00=1223.781230.97
*****แนวรับ Fibo.ที่ 61.8 = 1217.01
Fibo.ที่ 1000.00 = 1195.20 หลุดจากนี้ ไม่ดีแล้วและอาจเบรก สำหรับขาขึ้นครั้งนี้ได้
โชคดีทุกท่าน
ดร.จ๋า
(เวลา 09.40 น.)
………………………………………………………
.
เหตุผลที่ทองลงในเวลากลางคืนวันพฤหัสที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา : มีดังนี้
ข่าว ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองคำปิดลบ $7.70 หลังจีนส่งสัญญาณเมินลงทุนตลาดทอง
ประจำวันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน 2553 ….. 07:27:53 น.
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ปิดที่ 18.351 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 16.20 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงเดือนก.ค.ดีดขึ้น 1.25 เซนต์ ปิดที่ 2.8625 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินั่มส่งมอบเดือนก.ค.ปิดที่ 1,536.20 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 2.20 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 449.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 5.95 ดอลลาร์
ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา หลังจาก SAFE ซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารจัดการทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนที่มีมูลค่าสูงถึง 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ กล่าวว่า ตลาดทองคำมีขนาดเล็กเกินไป อีกทั้งสภาพคล่องไม่ไหลลื่น และมีความผันผวนมากเกินกว่าที่จีนจะนำเงินในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศออกมาลงทุนเป็นช่องทางหลัก
นอกจากนี้ การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจากทั้งจีน สหรัฐ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ยังทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง โดยยอดส่งออกเดือนพ.ค.ของจีนขยายตัวแข็งแกร่ง 48.5% ขณะที่ภาคเอกชนของออสเตรเลียมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 26,900 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. เนื่องจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ช่วยหนุนตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นด้วย และเศรษฐกิจญี่ปุ่นไตรมาสแรกขยายตัว 5.0% ต่อปี มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 4.2%
.....................................................................
เหตุผลที่ทองลงในวันพุธที่ 9 มิ .ย.และใน เวลากลางวันวันพฤหัสที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมาแล้วดาวโจนส์ปิดพุ่งดาวโจนส์ปิดพุ่งดาวโจนส์ปิดพุ่ง : มีดังนี้
พฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน 2553 07:24:03 น.
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (9 มิ.ย.) เนื่องจากการแสดงความคิดเห็นในด้านบวกต่อเศรษฐกิจของเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งผลให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง รวมถึงการที่เบอร์นันเก้แสดงความเชื่อมั่นว่าวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐมากนัก และเศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวแม้อัตราว่างงานยังอยู่ในระดับสูงก็ตาม
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำ COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 15.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,229.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,231.10 - 1,242.60 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ดีดขึ้น 5.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,534.00 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 13.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 455.25 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนสัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 28.80 เซนต์ ปิดที่ 18.189 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ค.ดีดขึ้น 7.05 เซนต์ ปิดที่ 2.85 ดอลลาร์/อออนซ์
นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำอย่างหนักเพราะมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มแข็งแกร่งและสามารถต้านทานวิกฤตการณ์การเงินในยุโรปได้ จึงพากันลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง โดยการเทขายเกิดขึ้นหลังจากเบอร์นันเก้แสดงความเชื่อมั่นว่า วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐแค่ในระดับปานกลางเท่านั้น และเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ใน "ระยะฟื้นตัว" แม้ต้องเผชิญกับปัจจัยลบต่างๆ ที่รวมถึงอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูง และตลาดอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศที่ยังอยู่ในภาวะเปราะบางก็ตาม
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ถือครองทองคำแท่ง 1,298.530 ตันเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. เพิ่มขึ้น 12.171 ตันจากระดับ 1,286.359 ตันของวันที่ 4 มิ.ย.
……………………………………………………………
ข่าวที่ทำให้ดาวโจนส์ปิดพุ่งมีดังนี้
: ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 273.28 จุด รับตัวเลขว่างงานสหรัฐลดลง-ยอดส่งออกจีนแข็งแกร่ง
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (10 มิ.ย.) โดยดัชนีดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 10,000 จุด ขานรับตัวเลขว่างงานประจำสัปดาห์ของสหรัฐที่ปรับตัวลดลง และยอดส่งออกที่แข็งแกร่งของจีน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันพุธ เพราะได้แรงหนุนจากผู้บริหารบริษัทบีพีที่ออกมายืนยันว่า สถานะทางการเงินของบริษัทยังแข็งแกร่ง แม้บริษัทต้องจ่ายเงินจำนวนมากในการแก้ปัญหาน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโกก็ตาม
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ทะยานขึ้น 273.28 จุด หรือ 2.76% ปิดที่ 10,172.53 จุด ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 31.15 จุด หรือ 2.95% ปิดที่ 1,086.84 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 59.86 จุด หรือ 2.77% ปิดที่ 2,218.71 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 9.16 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 7 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคักตั้งแต่เปิดทำการซื้อขาย เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจโลกยังคงมีแนวโน้มที่สดใส โดยเมื่อวานนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 456,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยรวม ร่วงลง 255,000 ราย สู่ระดับ 4.5 ล้านคน
ขณะที่สำนักงานศุลกากรจีนรายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดส่งออกของจีนในเดือนพ.ค.ขยายตัวแข็งแกร่ง 48.5% ขณะที่ยอดนำเข้าพุ่งขึ้น 48.3% ซึ่งทำให้จีนมียอดเกินดุลการค้าสูงถึง 1.953 หมื่นล้านดอลลาร์ บ่งชี้จีนซึ่งเป็นประเทศที่เศรษฐกิจขยายตัวรวดเร็วสุดในโลก สามารถต้านทานวิกฤตการณ์หนี้สาธารณะในยุโรปได้
เศรษฐกิจจีนยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะภาคการส่งออก โดยนายหลี่ เตากุย ที่ปรึกษาธนาคารกลางจีนและผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชิงหัว กล่าวว่า วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปยังไม่รุนแรงพอที่จะทำให้เกิดวิกฤตการเงินโลกรอบใหม่ และจะไม่ส่งผลกระทบต่อดีมานด์การส่งออกสินค้าของจีนในระยะยาว
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันพุธ หลังจากผู้บริหารออกแถลงการณ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนว่า สถานะการเงินของบริษัทยังแข็งแกร่ง นอกจากนี้ บีพียังมีความสามารถและมีความยืดหยุ่นในการรับมือกับต้นทุนที่ต้องใช้จ่ายในการแก้ปัญหาน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโก ขณะเดียวกันสินทรัพย์ของบีพียังคงมีมูลค่าที่ดีและน่าดึงดูด และบริษัทมีแหล่งสำรองน้ำมันดิบกว่า 18 ล้านบาร์เรล และ 6.3 หมื่นล้านบาร์เรลที่บีพีค้นพบในช่วงเวลาปลายปี 2552
ทั้งนี้ หุ้นบีพีปิดพุ่ง 12.3% และหุ้นอนาดาร์โค ปิโตรเลียม ปิดบวก 12.4%
ส่วนหุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ที่ดิ่งลง 2.2% หลังจากมีรายงานว่าคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) จะดำเนินการตรวจสอบรายงานการเงินของโกลด์แมน แซคส์ อีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ SEC ยื่นฟ้อง โกลด์แมน แซคส์ ในข้อหาพยายามปกปิดข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับตราสารหนี้ "ABACUS 2007-AC1" ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนเป็นมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์ โดยกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.และตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเม.ย. ขณะที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นเดือนมิ.ย.
........................................................................................