งานวิจัยชี้ผู้ชายรายได้น้อยกว่าผู้หญิง มัก “นอกใจ”

[น่ารักสุดๆ]

งานวิจัยชี้ผู้ชายรายได้น้อยกว่าผู้หญิง มัก “นอกใจ”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์


เอเอฟพี - ผลการวิจัยซึ่งตีพิมพ์เมื่อวันจันทร์(16) เผยผู้ชายที่มีรายได้น้อยกว่าผู้หญิง มักจะ “นอกใจ” คู่รักของตนเอง
       
       คริสติน มันสช์ นักศึกษาปริญญาเอกด้านสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยคอร์แนล ระบุในงานวิจัยซึ่งเสนอในการประชุมประจำปีของสมาคมสังคมวิทยาอเมริกันว่า การนอกใจอาจเป็นวิธีหนึ่งที่ผู้ชายใช้เพื่อปกป้องความเป็นชายชาตรีเมื่อถูกท้าทาย
       
       “การหาเงินได้น้อยกว่าผู้หญิงเป็นสิ่งหนึ่งที่ท้าทายความเป็นชายชาตรี เพราะสังคมมักมองว่าผู้ชายต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว” ผลวิจัยระบุ
       
       “แนวคิดเช่นนี้อาจรุนแรงเป็นพิเศษในคนบางกลุ่มซึ่งให้ความสำคัญกับความเป็นชายชาตรีมาก เช่น ชาวละติน”
       
       และการศึกษาดังกล่าวก็เผยว่า อัตราความไม่ซื่อสัตย์เพิ่มขึ้นอย่างสูงเมื่อชายที่หาเงินได้น้อยกว่าหญิงเป็นชาวละติน ซึ่งอาจเพราะการเป็นเสาหลักของครอบครัวถือเป็นคุณสมบัติสำคัญของความเป็นชายฮิสแปนิก
       
       งานวิจัยเดียวกันนี้ยังระบุว่า หากผู้หญิงเป็นฝ่ายพึ่งพิงผู้ชายมาก ฝ่ายชายก็มีแนวโน้มที่จะนอกใจมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งทำให้ผู้หญิงมีแต่เสียกับเสีย แต่ผลที่พบในผู้หญิงกลับตรงกันข้าม
       
       ผู้หญิงที่หารายได้หลักเข้าบ้านมีแนวโน้มที่จะนอกใจมากกว่า ดังนั้นจึงดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ที่ฝ่ายหญิงเป็นเสาหลักของครอบครัวไม่มีทางดีเลย ส่วนผู้หญิงที่ต้องพึ่งเงินของสามี พวกเธอมีแนวโน้มที่จะนอกใจน้อยลง กล่าวโดยสรุป ผู้หญิงมีอัตราการนอกใจน้อยกว่าผู้ชายครึ่งหนึ่งในทุกกรณี
       
       งานวิจัยชิ้นนี้ยังแนะนำวิธีป้องกันไม่ให้คู่ของเรานอกใจ โดยไม่จำเป็นต้องลาออกจากงานที่ได้เงินเดือนสูงแต่อย่างใด
       
       การที่ทั้งคู่ต่างพอใจในความสัมพันธ์เป็นวิธีที่แน่นอนที่สุดที่จะขจัดความไม่ซื่อสัตย์ออกไป นอกจากนี้ การพาคู่รักของคุณไปโบสถ์ วัด หรือมัสยิด อยู่เสมอก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง เพราะคนที่เข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนามาก ก็จะนอกใจสามี-ภรรยาของตนน้อยลงด้วย
       
       การมองหาคู่ตามห้องสมุดมหาวิทยาลัย ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ หรือห้องบรรยายต่างๆ ก็อาจเป็นความคิดที่ดี เพราะผลวิจัยระบุว่า “ยิ่งคนมีการศึกษามากขึ้นเท่าใด ก็มีแนวโน้มที่จะซื่อสัตย์มากขึ้นเท่านั้น”
       
       มันสช์วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากชาย 1,024 คน และหญิง 1,559 คนซึ่งแต่งงานหรืออาศัยอยู่กับคู่รักของตนมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี