บ.จัดเรตติ้งต้ากงสวดคู่แข่ง ตัวการวิกฤตการเงินโลก

[น่ารักสุดๆ]

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   23 กรกฎาคม 2553 08:01 น.





เอเอฟพี - หัวแถวของต้ากง บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่สุดของจีน ที่เพิ่งออกโรงจัดอันดับความน่าเชื่อถือชาติมหาอำนาจเศรษฐกิจตะวันตกเมื่อเร็ว ๆ นี้ สับแหลกบริษัทคู่แข่งว่า เป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงินโลก
       
       “วิกฤตการเงินโลกเกิดขึ้นจากการที่บริษัทจัดอันดับไม่ยอมเปิดเผยความเสี่ยง ที่มีอยู่อย่างแท้จริง” นายกวน เจี้ยนจง ประธานบริษัท ต้ากง โกลบอล เครดิต เรตติ้ง ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ ไฟแนนเชียล ไทมส์ ฉบับวันพฤหัสฯ (22 ก.ค.)
       
       “ สิ่งนี้ทำให้ระบบการเงินของสหรัฐฯ ทั้งหมดเกือบล้มครืน ก่อความเสียหายใหญ่หลวงแก่สหรัฐฯ และผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯเอง” นายกวนระบุ
       
       ประธานต้ากงยังชี้ว่า ที่ผ่านมาสามบริษัทจัดอันดับ ที่ครอบงำธุรกิจการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในโลกได้แก่มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส, สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส และฟิตช์ เรตติ้งส์ มีความใกล้ชิดมากจนเกินไปกับลูกค้า ที่ตนต้องทำหน้าที่ประเมินความน่าเชื่อถือ โดยไม่นำความคิดส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง
       
       นอกจากนั้น เขายังวิจารณ์เป็นพิเศษเกี่ยวกับพฤติกรรม “การจับจ่ายซื้ออันดับ” (rating shopping) ของบริษัทต่าง ๆ ซึ่งจะว่าจ้างบริษัทจัดอันดับ ที่เสนอการจัดอันดับ อันน่าพึงพอใจที่สุดให้กับตน
       
       ไฟแนนเชียล ไทมส์ระบุว่า ผลจากวิกฤตการเงินโลกทำให้พฤติกรรมนี้ถูกผู้คุมกฎระเบียบของตะวันตกว่ากล่าวมากที่สุดเรื่องหนึ่ง โดยตำหนิสามบริษัทจัดอันดับยักษ์ใหญ่ว่า ให้อันดับความน่าเชื่อถือสูงสุดแก่ตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องกับการจำนองอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งกลับทำพิษเข้า เมื่อตลาดบ้านที่อยู่อาศัยในสหรัฐฯ ล้มครืนในปี2550
       
       นายกวนยังอ้างด้วยว่า จีนเป็นชาติเจ้าหนี้รายใหญ่สุดในโลก จึงควรมีปากเสียงมากกว่านี้ในเรื่องการตัดสินความเสี่ยงในการชำระหนี้ของรัฐบาลชาติต่าง ๆ
       
       เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ต้ากงได้ออกรายงานการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในการชำระหนี้ของชาติเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ในโลก ซึ่งนับเป็นการจัดอันดับ โดยบริษัทที่ไม่ได้มาจากโลกตะวันตกเป็นครั้งแรก โดยสหรัฐฯ และอีก 17 ชาติ เช่นแคนาดา,อังกฤษ และฝรั่งเศสมีคะแนนความน่าเชื่อถือลดลงจากคะแนนที่มูดีส์,เอสแอนด์พี และฟิตช์เคยให้
       
       ขณะที่ชาติกำลังพัฒนา 9 ชาติ เช่นจีน,รัสเซีย และบราซิลได้รับความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้น