ชีวิตนี้ เราอยู่ไปเพื่ออะไร? ชีวิตนี้เราต้องการอะไร? ทุกวันนี้เราอยู่ไปวันๆ เพื่ออะไร? มีจุดมุ่งหมายไหม? มีเป้าหมายไหม? เป้าหมายนั้นชัดเจนมากขนาดไหน?
หนังสือ 7 Habits of Highly Effective People (โดย Stephen R. Covey) ซึ่งเป็นหนังสือด้านความสำเร็จได้อธิบาย paradigm หรือกรอบความคิดหรือมุมมองเพื่อให้ชีวิตประสบความสำเร็จด้วยหลัก 7 ประการ เนื้อหาส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของ Common Sense และสามารถคิดเองได้ แต่คนส่วนใหญ่นั้นมักปล่อยให้มันผ่านเลยไป ลืมนึกหวนกลับไปคิด แล้วมักจะเกิดเหตุการณ์ ทำไมเราต้องใช้ชีวิตแบบลองผิดลองถูกไปจนแก่จนกว่าจะเรียนรู้ชีวิต ก็ได้แต่กลับมามองชีวิตที่ผ่านๆ มา แล้วพูดกับตัวเองว่า "เฮ้อ...ไม่น่าเลย"
อย่าให้มุมมองความคิดด้านเดียวมาตัดสินว่าอะไรถูกอะไรผิด
Habit 1 : Be Proactive มีสติ "จงรู้ตัวว่าคุณเลือกได้" คิดเมื่อตอนจิตว่างอย่าให้ "วิตก วิจารณ์" เข้ามามีส่วนร่วมกับจิต ความคิดตอนจิตว่างนี้เป็น Proactive ส่วนความคิดตอนจิตไม่ว่าง เป็น Reactive มีสติและใช้วิจารณญาณต่อสิ่งเร้าทั้งหลาย ต้องควบคุมสถานการณ์ให้ได้ ต้องสามารถใช้เหตุผลในการตัดสินใจได้เป็นอย่างดี
Habit 2 : Begin with the end in mind "เริ่มต้นด้วยภาพของจุดสิ้นสุดในใจ" หรือ "จงเลือกว่าคุณต้องการจุดสิ้นสุดอย่างไร" จุดมุ่งหมายในใจเรา ต้องมีแบบแผนที่ชัดเจน ในทุกๆ สิ่งที่ลงมือกระทำ มีแผนไว้ตั้งแต่ต้นจนจบ
Habit 3 : Put the First things first ให้ความสำคัญกับสิ่งที่สำคัญ หรือ "จงทำตามสิ่งที่คุณเลือก" จิตสงบจึงค่อยคิด อย่าคิดตอนจิตไม่สงบ เลือกสิ่งที่ควรกระทำก่อนมาทำก่อน หากมีการพลาดพลั้งไปในกาลข้างหน้า จะได้ไม่เสียโอกาสที่ดีที่สุด
Habit 4 : Think win win "คิดถึงความสำเร็จและชัยชนะ" เราต้องทำงานร่วมกันกับผู้อื่นให้เป็นทีมที่สัมฤทธิ์ผลต้องรู้จักช่วยเหลือกัน อย่าคิดแต่เอาชนะอย่างเดียว
Habit 5 : Seek first to understand "เข้าใจคนอื่นก่อนที่จะคิดอะไร" เรียนรู้กับมัน ใจเขาใจเราไม่แตกต่างกัน เราต้องพยายามที่จะเข้าใจผู้อื่นให้มาก เมื่อเราเข้าใจในเหตุผลของเขา การทำงานต่างๆ การปฏิบัติต่อกันก็จะเป็นไปด้วยดีและราบรื่น
Habit 6 : Synergize "การประสานพลัง" ทุกความคิดต้องมีดี เปิดใจให้กว้าง ประสานความต่างเพื่อหาหนทางแก้ปัญหา ที่ทำให้ประสิทธิผลในทางออกที่ดีที่สุด หาจุดที่ Optimize ออกมาให้ได้
Habit 7 : Sharpen the saw พิจารณาทั้ง 6 ข้อแล้ว "หมั่นลับเลื่อยเพื่อให้เกิดความแหลมคม"
แปลโดย Suton Rojanusorn
