TARADTHONG.COM
พฤศจิกายน 14, 2024, 01:32:06 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ตลาดทองดอทคอม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

Copy Code


หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มือใหม่หัดขับควรรู้ !  (อ่าน 5217 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
loveyou
Administrator
Full Member
*****

คะแนนความนิยม: 29
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 234



ดูรายละเอียด
« เมื่อ: มิถุนายน 23, 2010, 11:29:20 AM »

มือใหม่หัดขับควรรู้ !
ก่อนใช้รถต้องเรียนรู้ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นจะได้แก้ไขได้ทันตัดปัญหาความเสียหายบานปลายเสียแต่ เนิ่นๆ โดยเฉพาะท่านที่เป็น "มือใหม่หัดขับ"





เรื่องราวเกี่ยวกับการใช้งานระบบต่างๆ ในรถรุ่นใหม่ๆ มาให้ทุกท่านได้รู้จักกับการใช้งานและการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี เพื่อให้รถของท่านเองมีอายุการใช้งานยาวนาน ลดโอกาสเกิดความเสียหายโดยไม่ตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ที่ผ่านมามีเจ้าของรถจำนวนไม่น้อยอยากให้รถมีอายุการใช้งานทนทานยาวนาน พยายามสรรหาของดีๆ มาใส่มาใช้เพื่อหวังให้รถตัวเองมีสุขภาพสมบูรณ์ หลายครั้งสิ่งต่างๆ เหล่านั้นกลับกลายเป็นตัวก่อปัญหาให้กับเครื่องยนต์หรือระบบอื่นๆ ในตัวรถ ดังนั้นควรจะศึกษาถึงคู่มือการใช้งานของตัวรถของท่านเองก่อนการใช้งาน เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างถูกต้องสมบูรณ์ ลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดความผิดพลาดจาการใช้งานผิดวิธีไฟเตือนไฟโชว์ไม่ได้มี ไว้แค่ประดับ!!

เนื่องจากมีเจ้าของรถจำนวนไม่น้อยไม่ใส่ใจกับคู่มือการใช้งาน หรือศึกษาการใช้งานอย่างถูกต้องเสียก่อน เมื่อนำมาใช้จึงไม่ทราบว่ามีระบบอะไรบ้างในรถเกิดความบกพร่องขึ้นมา โดยเฉพาะรถรุ่นใหม่ๆ แพงๆ จะมีระบบแจ้งเตือนเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถหยุดรถหรือดับเครื่องยนต์ได้ทันก่อนจะเกิดความเสีย หายรุนแรง ในรถทั่วๆ ไปนั้นเรื่องของสัญญาณไฟเตือนต่างๆ ดูง่ายไม่ซับซ้อน เนื่องจากยังใช้สัญลักษณ์ง่ายๆ แต่ในรถประเภทลักชัวรี่คาร์ราคาแพง จะใช้สัญญาณแจ้งเตือนแบบ ON board computer สามารถแจ้งเตือนได้หลายระบบ รวมถึงระยะเวลาที่เหมาะสมในการเข้ารับการเซอร์วิสจากศูนย์บริการ จะมีความซับซ้อนในการใช้งานพอสมควร เพราะส่วนใหญ่ในจอเดียวกันนี้จะสามารถแสดงได้หลายฟังก์ชัน รวมถึงการแสดงผลเป็นภาษาอังกฤษ ตรงนี้อาจทำให้หลายๆ คนไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดก็มี ดังนั้นการศึกษาคู่มืออย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนใช้งานจะช่วยให้คุณสามารถใช้ รถได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล มาดูกันว่าสัญลักษณ์ต่างๆ บนแผงหน้าปัดนั้นมีอะไรบ้าง และเมื่อไฟโชว์ต่างๆ แสดงผลขึ้นขณะขับขี่มันเป็นเพราะอะไร และสามารถสื่อถึงอะไรได้บ้าง มาดูกันทีละตัวเลยครับ



Check Engine

โดยส่วนใหญ่จะเป็นไฟโชว์รูป "เครื่องยนต์" เมื่อบิดสวิตช์กุญแจไปยังตำแหน่ง ON ไฟโชว์ทุกดวงจะติดโชว์ทั้งหมดไฟโชว์ตัวนี้จะแสดงถึงการทำงานของเครื่องยนต์ว่าสมบูรณ์เต็มร้อยหรือไม่ ครั้งแรกเมื่อบิดกุญแจไปยังตำแหน่ง ON ควรจะต้องรอสักครู่ประมาณ 2-3 วินาทีเพื่อให้ระบบสมองกลของเครื่องยนต์ได้ทำการตวรจเช็คความพร้อมของตัวมัน เองก่อน เมื่อสัญลักษณ์รูปเครื่องยนต์ดับลงจึงจะบิดกุญแจไปยังตำแหน่งสตาร์ทได้ ในขณะที่ขับอยู่และไฟโชว์รูปเครื่องยนต์ติดขึ้นมาแสดงว่ามีปัญหาเกิดขึ้นกับ ระบบ กรณีนี้ในรถบางรุ่นจะตัดเข้าสู่วงจรสำรองเพื่อป้องกันความเสียหายอันจะเกิด ขึ้นกับเครื่องยนต์ ระบบนี้มักจะควบคุมให้เครื่องยนต์ทำงานในรอบต่ำๆ เช่น ไม่เกิน 2,500 รอบ/นาที ถ้าเป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติจะค้างอยู่ในตำแหน่งเกียร์ 2 เท่านั้น เพื่อป้องกันความเสียหายอันจะเกิดกับเครื่องยนต์ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องแปลกใจกรณีที่มีสัญลักษณ์นี้ขึ้นมาแล้ววิ่งได้เท่านั้น เพราะเค้าออกแบบมาให้คุณสามารถประคองรถกลับไปเข้าศูนย์บริการได้โดยไม่ต้อง ลาก เมื่อทำการตรวจเช็คและเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุดแล้วก็จะใช้งานได้ดังเดิม



ไฟเตือนรูปแบตเตอรี่
สัญลักษณ์ไฟโชว์รูป "แบตเตอรี่" จะมีหน้าที่แสดงสถานการณ์ทำงานของระบบประจุไฟ เมื่อเราบิดกุญแจไปยังตำแหน่ง ON ไฟโชว์รูปแบตเตอรี่จะติดสว่างขึ้น เมื่อเครื่องยนต์ติดไฟโชว์รูปแบตเตอรี่ดับลง นั่นหมายความว่าระบบทำงานสมบูรณ์ ในขณะเครื่องยนต์ทำงานและระบบประจุไฟทำงานสมบูรณ์ ไฟรูปแบตเตอรี่จะโชว์ เมื่อไฟรูปแบตเตอรี่โชว์แสดงว่าระบบประจุไฟมีปัญหา ระบบประจุไฟในที่นี้หมายถึงตัว "ไดชาร์จ" มีหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อจ่ายให้กับระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงการประจุไฟเข้าแบตเตอรี่ด้วย สาเหตุที่ทำให้ไฟตัวนี้โชว์อาจเป็นเพราะว่าสายพานไดชาร์จอาจหย่อนหรือขาด (กรณีสายพานหย่อนจะมีเสียงดังร่วมด้วย) ทำให้ไดชาร์จไม่สามารถผลิตกระแสไฟได้ เนื่องจากต้องรับกำลังมาจากเพลาข้อเหวี่ยงโดยใช้สายพานเป็นตัวถ่ายทอด เมื่อสายพานขาดหรือหย่อนไดชาร์จก็จะไม่สามารถทำงานได้ หรือกรณีเกิดความเสียหายอื่นๆ เช่น แปรถ่านหมด, เกิดการช็อต ลงกราวด์, ขดลวดไหม้ ฯลฯ สาเหตุเหล่านี้ทำให้ไดชาร์จไม่สามารถผลิตกระแสไฟได้ อีกกรณีหนึ่งพบได้บ่อยครั้งหลังจากวิ่งลุยผ่านน้ำท่วมขัง บางครั้งไฟรูปแบตเตอรี่จะติดโชว์ขึ้นมา หรืออาจจะติดแบบหรี่ๆ ไม่สว่างเต็มที่ กรณีนี้ไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะว่าไดชาร์จอาจเปียกน้ำเกิดการลงกราวด์ ขับไปสักครู่ก็จะหายเมื่อน้ำระเหยออกไปหมดแล้ว แต่ถ้าไฟไม่ยอมดับต้องตรวจเช็คหาสาเหตุแล้วทำการแก้ไขโดยเร็ว กรณีที่เครื่องยนต์ยังติดอยู่ ความร้อนอยู่ในระดับปกติ คุณสามารถวิ่งต่อไปได้อีกอย่างน้อยก็สิบกม. โดยใช้ความเร็วปานกลาง ปิดอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้าให้หมดโดยเฉพาะระบบปรับอากาศ ยังพอจะหาที่พึ่งได้บ้างโดยไม่ต้องจอดทิ้งข้างทาง



ABS
เมื่อบิดกุญแจมาตำแหน่ง ON ไฟโชว์ของระบบ ABS จะติดขึ้นชั่วขณะ เช่นเดียวกับไฟ Check Engine แล้วก็จะดับ ระหว่างการใช้งานถ้าไฟเตือนของ ABS ติดโชว์ขึ้นมา อาจแสดงว่าระบบมีปัญหาในจุดใดจุดหนึ่ง ให้รีบนำรถเข้าตรวจเช็คโดยด่วน เนื่องจากมีผลต่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง มีบางกรณีที่ไฟโชว์ขึ้นมาและดับไปเอง อาจจะเป็นเพราะกรณีที่ขับรถลุยน้ำ เซ็นเซอร์หรือระบบไฟฟ้าเกิดการลงกราวด์ พอแห้งแล้วไฟก็จะดับไปเอง ถ้าขับบนถนนแห้งๆ แล้วเกิดติดขึ้นมา แล้วจู่ๆ หายไปเอง ยิ่งต้องรีบเข้าทำการตรวจเช็คโดยด่วน กรณีอื่นๆ ที่ทำให้ไฟเตือนโชว์ขึ้นมาได้ เช่น ผ้าเบรกหมด,ระดับน้ำมันเบรกต่ำกว่ากำหนด ถ้าเบรกยังทำงานได้ก็ให้วิ่งประคองไปเรื่อยๆ อย่าใช้ความเร็วสูงนักเพื่อความปลอดภัย



Air Bag
เป็นไฟโชว์สถานการณ์ทำงานของระบบ "ถุงลมนิรภัย" มีหลักการทำงานเช่นเดียวกับระบบ ABS เมื่อไฟเตือนขึ้นโชว์ระหว่างการใช้งานให้รีบนำรถเข้าศูนย์เพื่อทำการตรวจ เช็คโดยเร็ว โดยที่ตัวรถยังสามารถใช้งานได้ตามปกติไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง โดยปกติแล้วทางศูนย์บริการจะมีระยะกำหนดในการตรวจเช็คเอาไว้ เช่น ทุกๆ 5 หรือ 10 ถ้าคิดเป็นระยะอาจจะอยู่ที่ 50,000 หรือ 100,000 กม. เป็นต้น โดยให้ศูนย์บริการทำการตรวจเช็คเพื่อความชัวร์ เนื่องจากต้องใช้เครื่องมือพิเศษและคู่มือการตรวจเช็คร่วมด้วย บางครั้งอาจใช้สัญลักษณ์รูปถุงลมนิรภัยหรือตัวอักษรว่า SRS ก็มี



ไฟเตือนรูปกาน้ำมันเครื่อง
สัญลักษณ์ตัวนี้จะแสดงการทำงานของระบบ หล่อลื่น เมื่อเครื่องยนต์ติด ปั๊มน้ำมันเครื่องจะดูดน้ำมันเครื่องจากก้นแคร็งค์ขึ้นไปหล่อเลี้ยงส่วน ต่างๆ ของเครื่องยนต์ เมื่อมีแรงดันในระบบเซ็นเซอร์ได้รับแรงดันตามที่กำหนด ไฟโชว์ก็จะดับ ดังนั้นเวลาเครื่องยนต์ทำงานอยู่แล้ว ไฟโชว์รูปกาน้ำมันเครื่องติดขึ้นมาอาจแสดงว่าน้ำมันเครื่องรั่วหายไปจากระบบ หรือมีน้อยมากจนปั๊มไม่สามารถดูดน้ำมันส่งไปเลี้ยงเครื่องยนต์ได้ ดังนั้นเมื่อไฟเตือนรูปนี้ติดขึ้นมาควรจอดรถและดับเครื่องยนต์ทันที แล้วทำการตรวจเช็คดูว่ามีร่องรอยของการรั่วตรงจุดไหน

เมื่อดับเครื่องยนต์แล้วยังไม่ควรตรวจเช็คระดับน้ำมันใน ทันที ต้องจอดรถทิ้งไว้อย่างน้อยสัก 15-20 นาที เพื่อให้น้ำมันเครื่องที่ค้างอยู่ตามส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ ไหลกลับลงไปยังอ่างน้ำมันเครื่องเสียก่อนจึงจะทราบได้ว่าน้ำมันเครื่องขาด หรือไม่ ถ้าพบการรั่วของระบบหล่อลื่นหรือน้ำมันเครื่องขาดมากๆ ไม่ควรติดเครื่องยนต์เด็ดขาด เพราะจะทำความเสียหายให้กับเครื่องยนต์ได้ ควรเรียกศูนย์บริการมานำรถเข้าไปตรวจเช็คจะดีที่สุด



ไฟเตือนรูปเบรก
สัญลักษณ์นี้โดยปกติจะแสดงการทำงานของ เบรกมือ เมื่อคุณดึงเบรกมือ ไฟตัวนี้จะติดเพื่อเตือนให้คุณทราบว่าได้ดึงเบรกมือเอาไว้ เมื่อปลดเบรกมือลงสุด
ไฟตัวนี้จะดับทันที ถ้าปลดเบรกมือแล้วไฟไม่ดับ ให้ลองขยับใหม่สักสองสามครั้ง เพราะบางครั้งสวิตช์ไฟอาจจะค้าง ถ้าไฟยังไม่ยอมดับให้ลองตรวจเช็คระดับน้ำมันเบรกควบคู่ไปด้วย เนื่องจากบางค่ายจะใช้ไฟโชว์ร่วมกัน และสัญลักษณ์ไฟเตือนรูปเบรกแบบเดียวกันนี้ ถ้าเส้นโค้งด้านนอกเป็นเส้นประจะเป็นการแสดงถึงความหนาของผ้าเบรกว่าใกล้หมด แล้ว หรือระดับน้ำมันเบรกต่ำกว่าระดับมาตรฐาน ถ้ารถรุ่นไหนมีสัญลักษณ์รูปเบรกสองแบบจะเป็นการแสดงผลแยกกัน แต่ถ้ามีแบบเดียวคือ แบบแรกอาจจะใช้งานร่วมกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นฐานการออกแบบของรถด้วย สามารถศึกษาได้จากคู่มือประจำรถนะครับ



ไฟเตือนน้ำมันเชื้อเพลิง
จะเป็นสัญลักษณ์รูปหัวจ่ายน้ำมัน ไฟเตือนดวงนี้จะโชว์ขึ้นเมื่อน้ำมันเชื้อเพลิงในถังใกล้หมด เมื่อสัญลักษณ์นี้โชว์ขึ้นมา ส่วนใหญ่สามารถวิ่งต่อไปได้อีกประมาณ 30 กม. เพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่รีบเติมก่อนน้ำมันจะหมดถัง ในการใช้งานจริงนั้นไม่ควรปล่อยให้น้ำมันเชื้อเพลิงในถังเหลือต่ำกว่าระดับ ? ของมาตรวัด โดยเฉพาะรถที่ใช้หัวฉีดในการจ่ายน้ำมัน ส่วนใหญ่ปั๊มเชื้อเพลิงจะเป็นแบบแช่ถัง ถ้าน้ำมันเหลือน้อยมากจะทำให้ปั๊มร้อนและเกิดการสึกหรอก่อนเวลาอันสมควรนะครับ



นอกจากนี้ในรถรุ่นใหม่ยังมีสัญลักษณ์อีกมากมายที่คุณต้องเรียนรู้
ในรถรุ่นใหม่ๆ หรือในรถระดับพรีเมียมจะมีระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย ระบบต่างๆ เหล่านี้จะสามารถช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เมื่อมีระบบใหม่ๆ เข้ามาเกี่ยงข้องเยอะ สัญญาณเตือนก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย เป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของรถต้องเรียนรู้เพื่อจะได้สามารถวิเคราะห์ในเบื้อง ต้นว่าเกิดจากสาเหตุใด และควรจะทำอย่างไรต่อไป เพราะสัญญาณเตือนบางอย่างนั้นจะโชว์ขึ้นมาเฉพาะเมื่อระบบทำงาน ให้ผู้ขับขี่ได้ทราบว่าระบบกำลังทำงานช่วยเหลือคุณอยู่นะไม่ต้องตกใจ เช่น ระบบ ESP เป็นระบบช่วยการทรงตัวอัตโนมัติ ระบบนี้จะคอยช่วยเหลือในกรณีที่รถเริ่มศูนย์เสียเสียการทรงตัว ระบบอิเล็กทรอนิกส์จะสั่งการให้ระบบต่างๆ ทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรกหรือเครื่องยนต์ เพื่อควบคุมรถให้กลับมามีเสถียรภาพอีกครั้งในขณะที่ระบบนี้ทำงาน ไฟโชว์จะติดขึ้นมาเป็นระยะให้ผู้ขับขี่ทราบ อย่างสัญลักษณ์บางตัวอาจแปลกตาไม่เคยเห็น เช่น สัญลักษณ์รูป "แคตตาไลติกคอนเวอร์เตอร์" สัญลักษณ์นี้จะติดโชว์เมื่อความร้อนของตัวแคตตาไลติกมีอุณหภูมิสูง จนอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้สัญลักษณ์นี้ก็จะติดโชว์ขึ้นมาเพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่ได้ระมัดระวังตัว อย่าไปจอดบนสถานที่เสี่ยงอันตราย เช่น บนพื้นหญ้าแห้ง หรือกองเศษวัสดุที่อาจจะติดไฟได้ง่าย

กลับมาในรถระดับพรีเมียมทั้งหลาย รถพวกนี้มักจะมี ON Board Computer มาให้ด้วย อุปกรณ์ชิ้นนี้มีความสามารถหลากหลายในการแสดงผล ไม่ว่าจะเป็นอัตราสิ้นเปลือง, อุณหภูมิอากาศ, ความเร็วเฉลี่ยรวมถึงการแสดงผลแจ้งเตือนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารับการเซอร์วิสตามระยะทางและแจ้งเตือนกรณีที่มีระบบใดระบบหนึ่งเกิดความบกพร่องขึ้นมา ดังนั้นต้องศึกษาด้วยว่าเจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้ในรถคุณนั้น มันสามารถแจ้งผลอะไรได้บ้าง 

โดยเฉพาะการแจ้งเตือนเรื่องการเข้ารับการบริการกรณีเกิดปัญหาขึ้นมา คุณจะได้ทราบว่าจะต้องทำอย่างไร แต่หนทางที่ง่ายคือ เตรียมเบอร์โทร.ฉุกเฉินของศูนย์บริการหรือสายฮอตไลน์เอาไว้ จะได้สอบถามจากศูนย์บริการได้ว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไร สามารถขับต่อไปได้หรือเปล่า แต่รถรุ่นใหม่ๆ จะมีการป้องกันในระดับที่ดีอยู่แล้ว เช่น เมื่อมีการแจ้งเตือนขึ้นมาแต่ระบบนั้นไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือความเสียหาย จะสามารถขับได้ตามปกติ แต่ให้เข้าศูนย์บริการเช็คโดยเร็ว

กรณีที่สองเป็นระบบที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายกับเครื่องยนต์หรือระบบ อื่นๆ ได้ ระบบควบคุมอาจจะสั่งให้เครื่องยนต์ทำงานแค่รอบเครื่องต่ำ หรือวิ่งได้แค่ตำแหน่งเกียร์สองเพียงเกียร์เดียว เป็นต้น ส่วนกรณีที่อาจเกิดความเสียหายได้ หลายระบบอาจจะสั่งตัดการทำงานของเครื่องยนต์เลย ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ไม่ต้องตกใจนะครับ ตั้งสติให้ดีแล้วค่อยๆ ดูว่าเกิดอะไรขึ้น หรือค่อยๆ ลำดับเหตุการณ์ก่อนว่าในขณะขับมามีอาการอะไรผิดปกติที่พอสังเกตได้ก่อนที่เครื่องยนต์จะดับหรือขับต่อไม่ได้มีความร้อนขึ้นสูงมั้ย! มีไฟเตือนหรือสัญญาณเตือนอะไรโชว์บ้างหรือเปล่า? อย่างน้อยข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับช่างที่จะมาดูแลรถคุณนะครับ

อันที่จริงการใช้รถรุ่นใหม่ๆ ค่อนข้างง่าย ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วงมากมาย แต่หลายๆ ครั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นมาจากผู้ขับขี่เองปล่อยปละละเลย ทั้งๆ มีสัญญาณเตือนโชว์ขึ้นมาแล้วแต่ไม่รู้ว่าคืออะไร เพราะไม่เคยศึกษามาก่อนว่ารถของตัวเองนั้นมีไฟเตือนอะไรบ้าง ใครเป็นแบบนี้อยู่ขอให้รีบศึกษาโดยเร็วนะครับ ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยหาคนมีความรู้เรื่องเครื่องยนต์สักคนมาอธิบายให้ฟัง ใช้เวลาไม่มากนักสัก 20-30 นาทีเท่านั้น ในการอธิบายสัญญาณเตือนต่างๆ หรือถ้าคุณไม่อยากให้ใครมานั่งบนรถก็ไม่ยาก เวลาบิดกุญแจไปยังตำแหน่ง ON ก่อนสตาร์ทเครื่องให้ดูว่ามีไฟโชว์อะไรขึ้นมาบ้าง ถ้าสัญลักษณ์ไหนไม่คุ้นตาหรือไม่เคยรู้จักให้จำไว้แล้วไปสอบถามจากผู้รู้นะ ครับ ค่อยๆ จำค่อยๆ ศึกษาจะได้ป้องกันความเสียหายที่อาจปานปลายโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์และต้องรู้จักเป็นคนช่างสังเกตด้วยนะครับ เนื่องจากเคยเจอเจ้าของรถท่านหนึ่งมีปัญหาไฟเตือนรูป Air Bag โชว์ จึงนำไปให้อู่ซ่อมตรวจเช็คให้หลังจากเสียเงินเสียทองเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าไฟโชว์ Air Bag ไม่โชว์อีกเลย เนื่องจากอู่นั้นถอดหลอดไฟออก แต่ลูกค้าไม่เคยสังเกตจึงไม่รู้ว่าโดนหลอกย้อมแมวเข้าแล้ว อย่างไรก็ตามถ้าคุณไม่ช่วยเหลือตัวคุณเองก่อน โอกาสตกเป็นเหยื่อก็มีมากนะครับ

 
บันทึกการเข้า

รักนะ...จุ๊บ จุ๊บ
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Powered by MySQL Powered by PHP Valid XHTML 1.0! Valid CSS!