เล่นโยคะช่วยชะลอวัย...โดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอ
เล่นโยคะช่วยชะลอวัย...โดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอ (ไทยโพสต์)
กล่าวได้ว่าการเล่นโยคะนั้น ถือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยชะลอความแก่ได้โดยไม่ต้องพึ่งการศัลยกรรม เพราะการเล่นโยคะจะช่วยให้ทำให้สุขภาพของผู้เล่นแข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก จึงส่งผลให้ผิวพรรณดูกระชับแข็งแรงและสดใสกว่าวัยนั่นเอง
ลองไปฟังเคล็ดลับกระบวนท่าการฝึกโยคะแบบง่าย ๆ เพื่อช่วยให้รูปร่างของคุณผู้หญิงดูสวยและกระชับอยู่ตลอดเวลา โดยครูผู้ฝึกสอนโยคะที่มีความเชี่ยวชาญจากสตูดิโอการสอนโยคะชื่อดัง "เอนไลท์เทนโยคะ" ว่ามีขั้นตอนในการฝึกเพื่อช่วยให้คุณสาวๆ ดูดีได้อย่างไรบ้าง
โดย น.ส.ปาริชาต ศิลปอาชา ครูผู้ฝึกสอนโยคะ กล่าวว่า ประโยชน์ที่ผู้เล่นโยคะจะได้อันดับแรกคือ การได้ความแข็งแรง เพราะการเล่นโยคะเป็นการออกกำลังกายทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อจนถึงข้อต่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และเมื่อร่างกายทุกส่วนถูกใช้งาน ก็จะทำเกิดความกระชับและเกิดความยืดหยุ่นขึ้นในผิวไปพร้อม ๆ กัน จึงทำให้ผิวหนังไม่หย่อนยาน หรือที่เราเคยได้ยินว่าผิวกระชับหรือเฟิร์มขึ้นจากการเล่นโยคะนั่นเอง พูดง่าย ๆ ว่าการเล่นโยคะนอกจากจะช่วยทำให้สุขภาพภายในแข็งแรงแล้ว ยังส่งผลให้ผิวกายภายนอกดูกระชับแข็งแรงและสดใสอ่อนกว่าวัยได้ด้วย
ที่สำคัญการเล่นโยคะยังช่วยทำให้จิตใจสงบขึ้นได้ เพราะขณะที่เรากำลังฝึกโยคะนั้น จะทำให้เราได้อยู่กับลมหายใจตลอดเวลา เนื่องจากเราต้องหายใจเข้าออกให้สอดคล้องกับท่าทางของโยคะ จึงทำให้เรามีสติและสมาธิ และช่วยให้เราสามารถตัดปัญหาหรือเรื่องวุ่นวายที่เข้ามาออกไปได้ ขณะเดียวกันก็ช่วยทำให้เราเข้มแข็งและตัดสินปัญหาได้ด้วยการใช้สติมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม น.ส.ปาริชาต กล่าวว่า การเล่นโยคะนั้นสามารถช่วยชะลอวัยให้ใบหน้าผู้เล่นอ่อนเยาว์ได้ลงได้ เพราะการที่เราฝึกลมหายใจเข้าออก เป็นการช่วยฝึกให้ปอดสามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น จึงส่งผลให้อวัยวะทุกส่วนของร่างกายแข็งแรงและกระชับขึ้นเช่นกัน จึงสามารถชะลอวัยได้ แต่อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่า การเล่นโยคะจะทำให้ไม่แก่ลง เพราะทุกอย่างก็ย่อมต้องเสื่อมสภาพไปตามเวลา แต่การเล่นโยคะจะช่วยชะลอผิวพรรณของผู้เล่นให้ดูสดใสอ่อนเยาว์ หรือแก่ช้าลงกว่าผู้ที่ไม่ได้เล่นนั่นเอง
พร้อมกันนี้ผู้บริหาร คุณครูปาริชาต ยังได้เผยให้ทราบถึงกระบวนท่าทางการฝึก ที่เรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเล่นโยคะ เพื่อช่วยให้ผู้หญิงมีบุคลิกภาพที่ดูดีและสง่างามอยู่ตลอดเวลา ตลอดจนกระบวนท่าดังกล่าวยังช่วยลดอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้เช่นกัน
อันดับแรกครูสอนโยคะแนะนำว่า ให้ผู้ฝึกแขม่วท้องตลอดเวลา เพราะการแขม่วท้องจะทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรงและกระชับอยู่เสมอ ซึ่งจะป้องกันการห้อยย้อยของพุงนั่นเอง แต่ขณะเดียวกันก็ไม่จำเป็นต้องเกร็งมากจนเกินไป เพียงแค่ให้สามารถพูดคุยหรือเดินได้ก็พอ ซึ่งการฝึกแขม่วท้องนี้จะช่วยให้ผู้ฝึกนั้นมีการทรงตัวที่ดี ช่วยลดการเดินหลังหรือไหล่ห่อลงได้ และที่สำคัญเชื่อว่าท้องเป็นจุดรวมของกำลังในร่างกาย ดังนั้นหากหน้าท้องมีความแข็งแรง ก็จะช่วยสร้างความสมดุลและส่งพลังงานที่แข็งแรงไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ผู้หญิงที่นั่งทำงานออฟฟิศที่มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อจากอาการออฟฟิศซินโดรมนั้น ครูสอนโยคะก็ให้คำแนะนำดี ๆ ว่า
1.ให้ลองปรับเปลี่ยนอิริยาบถทุก ๆ 1 ชั่วโมง เพื่อลดอาการปวดเมื่อย หรืออาการเกร็งของกล้ามเนื้อ
2.ในกรณีที่ต้องติดต่องานภายในออฟฟิศ ควรขึ้นลงบันไดแทนการใช้ลิฟต์ก็จะช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้ เพราะร่างกายของเราได้เคลื่อนไหว
3.เปลี่ยนจากการเอี้ยวตัวรับโทรศัพท์ เป็นการนำโทรศัพท์มาวางในบริเวณที่หยิบสะดวกและใกล้มือมากขึ้น ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะช่วยลดอาการปวดเมื่อยจากการทำงานได้แล้ว ยังช่วยให้คุณผู้หญิงมีบุคลิกภาพการนั่งการยืนที่ดีขึ้นได้ด้วย
สำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลังนั้น ครูสอนโยคะยังแนะนำด้วยว่า
วิธีที่ 1.แนะนำให้นั่งหลังตรงโดยให้สะโพกชิดพิงเก้าอี้ ซึ่งการนั่งหลังตรงก็สามารถลดอาการปวดหลังลงได้
วิธีที่ 2.ให้ผู้ฝึกนั่งตัวตรงชิดเก้าอี้แล้วก้มหน้าลงมาครึ่งตัวพร้อมกับปล่อยแขนทั้งสองข้างลงมา (คล้ายการนั่งห้อยหัว) หลังจากนั้นค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นช้า ๆ พร้อมกับการหายใจเข้า ท่านี้ก็สามารถช่วยให้ผู้ฝึกหายปวดหลัง และช่วยทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดียิ่งขึ้น
วิธีที่ 3.ให้ผู้ฝึกยืนขึ้นแล้วก้มศีรษะลงไปพร้อม ๆ กับปล่อยแขนทั้งสองข้าง ขณะเดียวกันให้ผู้ฝึกเกร็งหน้าขาทั้งสองข้างไว้ สำหรับท่านี้จะช่วยผ่อนคลายอาการปวดบริเวณกล้ามเนื้อลงได้ และช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณต้นขาได้ด้วย
ส่วนระยะเวลาของการฝึกกระบวนท่าเหล่านี้ ครูสอนโยคะบอกกับเราว่า สามารถฝึกได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับความสะดวกและโอกาสของแต่ละบุคคล รวมถึงยังเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยอีกด้วย