TARADTHONG.COM
พฤศจิกายน 27, 2024, 02:39:42 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ตลาดทองดอทคอม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

Copy Code


หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: IMFทำนายอีก5ปีเท่านั้นเศรษฐกิจจีนจะแซงสหรัฐฯ  (อ่าน 6254 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
น่ารักสุดๆ
Administrator
Hero Member
*****

คะแนนความนิยม: 2330
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1658



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: เมษายน 27, 2011, 06:42:29 AM »

IMFทำนายอีก5ปีเท่านั้นเศรษฐกิจจีนจะแซงสหรัฐฯ

วอลล์สตรีทเจอร์นัล/เอเจนซีส์ - สหรัฐฯอาจจะสูญเสียฐานะความเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกของตนไปภายในเวลา 5 ปี กองทุนระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ทำนายว่า จีนจะสามารถแซงหน้าอเมริกาได้ในปี 2016 ซึ่งจะส่งผลให้ปิดฉาก “ยุคสมัยแห่งอเมริกา” ก่อนหน้าที่พวกนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดหมายกันถึง 1 ทศวรรษ
       
       เรื่องนี้มีความหมายว่าใครก็ตามที่ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกันในปี 2012 จะได้รับเกียรติยศที่อาจไม่ปรารถนาจะได้รับ ในการเป็นประธานเฝ้าดูแลการเสื่อมทรุดตกต่ำของสหรัฐอเมริกา
       
       ถึงแม้เป็นที่คาดการณ์กันมาหลายปีแล้วว่า ในที่สุดแล้วแดนมังกรจะต้องก้าวผงาดขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของเศรษฐกิจโลกอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ไอเอ็มเอฟระบุกรอบเวลาออกมาอย่างชัดเจน และคำพยากรณ์นี้ก็จะต้องมีส่งผลอย่างลึกซึ้งต่อดุลแห่งอำนาจของทั่วโลก
       
       นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากเห็นว่า สหรัฐฯจะยังคงรักษาตำแหน่งแชมป์เอาไว้ได้อีกหลายสิบปี แม้กระทั่งพวกที่มองอนาคตของเศรษฐกิจอเมริกันในแง่ร้ายสุดๆ ก็ยังคิดว่า คงจะพอประคองไปจนกระทั่งถึงครึ่งหลังของทศวรรษ 2020 ด้วยเหตุนี้ คำพยากรณ์คราวนี้ของไอเอ็มเอฟจึงสร้างความประหลาดใจให้แก่นักวิเคราะห์จำนวนมาก
       
       อันที่จริง คำทำนายนี้ก็ไม่ได้มีการแถลงอย่างเปิดเผยชัดเจน แต่ถูกโพสต์อย่างเงียบๆ ในเว็บไซต์ของไอเอ็มเอฟเมื่อราว 2 สัปดาห์ก่อน โดยที่ เบรตต์ อาเรนส์ (Brett Arends) คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล เป็นผู้ที่นำเอามารายงานในวันจันทร์(25) และถูกนำไปเผยแพร่ต่อจนเป็นข่าวเกรียวกราว
       
       อาเรนส์บอกว่า พวกนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่มองผิดพลาด เนื่องจากพวกเขาเพียงแค่เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐฯกับจีน โดยดูตัวเลขมูลค่าตามอัตราแลกเปลี่ยน แต่การเปรียบเทียบเช่นนี้ค่อนข้างจะไร้ความหมายในแง่ความเป็นจริง เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งอัตราแลกเปลี่ยนของจีนนั้นต้องถือว่าเป็นของเก๊ เพราะจีนกดค่าเงินหยวนของตนให้ต่ำกว่าความเป็นจริง
       
       คอลัมนิสต์ของวอลล์สตรีทเจอร์นัลผู้นี้ระบุว่า นอกเหนือจากเปรียบเทียบเศรษฐกิจของสหรัฐฯกับจีนโดยอิงอยู่ที่มูลค่าตามอัตราแลกเปลี่ยนแปลง การวิเคราะห์ของไอเอ็มเอฟชิ้นที่เขาอ้างอิงถึง ยังได้พิจารณาภาพของเศรษฐกิจ 2 ประเทศตามมูลค่าแท้จริง โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า “ค่าเสมอภาคแห่งอำนาจซื้อ” (purchasing power parities หรือ PPP) ทั้งนี้ พีพีพี เป็นการเปรียบเทียบสิ่งที่ประชาชนทำมาหาได้และใช้จ่ายอย่างเป็นจริงในเศรษฐกิจภายในประเทศของพวกตน
       
       รายงานของไอเอ็มเอฟบอกว่า เมื่อวัดกันด้วย พีพีพี เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวจากระดับ 11.2 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ เป็น 19 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2016 ขณะที่ขนาดของเศรษฐกิจสหรัฐฯจะเพิ่มจาก 15.2 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ เป็น 18.8 ล้านล้านดอลลาร์ในอีก 5 ปีข้างหน้า มูลค่าระดับนี้หมายความว่า อเมริกาจะมีส่วนแบ่งในผลผลิตของโลกลดลงมาเหลือ 17.7% แต่จีนจะมีส่วนแบ่งในผลผลิตของโลกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 18% และมีแนวโน้มขยายเพิ่มต่อไปอีก
       
       ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯเผชิญกับคู่แข่งขันที่สามารถไล่ตามทันและแซงหน้าตนไปในทางเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ ดิ เอจ ของออสเตรเลีย อ้างการศึกษาของ แองกัส แมดดิสัน (Angus Maddison) นักประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ ที่ระบุว่า พวกคู่แข่งขันรายสำคัญของอเมริกาในอดีตนั้น สหภาพโซเวียตเมื่อตอนที่รุ่งเรืองถึงขีดสุดก็ยังผลิตสินค้าและบริการได้เพียงแค่ 1 ใน 3 ของสหรัฐฯในช่วงเดียวกัน ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นตอนที่เติบโตที่สุด ยังมีขนาดไม่ถึงครึ่งหนึ่งของสหรัฐฯอยู่ดี
       
       ทว่าการก้าวขึ้นสู่บัลลังก์แชมป์ของจีนมีลักษณะที่แตกต่างออกไปอย่างน่าตื่นใจ ทั้งในด้านความเร็วและในด้านขนาด ถ้าหากแดนมังกรสามารถทำอัตราเติบโตได้ประมาณปีละ 10% อย่างที่ทำได้โดยเฉลี่ยตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา เศรษฐกิจจีนก็จะใหญ่โตไปไกลกว่าของสหรัฐฯมากมายภายในเวลาเพียงแค่ 1 ชั่วคน
       
       ดิ เอจ บอกว่า ในปี 1980 เมื่อตอนที่จีนเริ่มต้นการปฏิรูปเศรษฐกิจนั้น ไอเอ็มเอฟประมาณการว่า สหรัฐฯสามารถผลิตสินค้าและบริการได้มากกว่าจีนกว่า 10 เท่าตัว แม้กระทั่งเมื่อ 10 ปีก่อน ตอนที่จีนแซงหน้าญี่ปุ่นกลายเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก (ตามมูลค่า พีพีพี) สหรัฐฯก็ยังคงผลิตได้เป็น 3 เท่าตัวของจีน
       
       แต่นับจากนั้นมา ส่วนแบ่งในผลผลิตทั่วโลกของจีนก็ได้เพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว ขณะที่ของสหรัฐฯกลับหดหายลดลงอย่างรวดเร็ว จากที่เคยมีส่วนแบ่ง 25% ในผลผลิตของโลกในปี 1986 ก็ลดลงเหลือไม่ถึง 20% กระทั่งเป็นที่คาดการณ์กันว่าจะอยู่ในระดับ 17.8% .ในปี 2016
       
       ส่วนจีนผลิตสินค้าและบริการได้เพียงแค่ 2.2% ของผลผลิตโลกในปี 1980 แต่สัดส่วนนี้ไต่ขึ้นเป็น 7% ภายในปี 2000 แล้วเพิ่มเป็นประมาณ 14% ในเวลานี้ ตลอดจนได้รับการพยากรณ์ว่าจะอยู่ในระดับ 18% ในอีก 5 ปีข้างหน้า
       
       ดิ เอจ บอกว่า ตามประมาณการของไอเอ็มเอฟ เมื่อถึงปี 2016 ภายในระยะเวลาเพียงครึ่งเดือนจีนจะผลิตสินค้าและบริการได้มากกว่าที่เคยผลิตได้ใน 1 ปีตอนที่เริ่มต้นการปฏิรูป ทั้งนั้นับจากตอนนั้นมา ผลผลิตของจีนเพิ่มขึ้นมาเป็น 30 เท่าตัว ขณะที่ผลผลิตของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเป็น 2.7 เท่าของระดับในปี 1980 ของตนเองเท่านั้น
       
       อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯจะยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของโลก ถ้าหากจีนยังคงกดค่าเงินของตนให้ต่ำกว่าความเป็นจริงมากเหมือนที่กระทำอยู่ในปัจจุบัน โดยที่ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่า เมื่อวัดกันตามมูลค่าอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว ภายในปี 2016 เศรษฐกิจของสหรัฐฯจะยังคงใหญ่กว่าเศรษฐกิจจีนราว 2 ใน 3
       
       การคาดการณ์เหล่านี้ ไอเอ็มเอฟใช้สมมุติฐานว่า จีนจะเติบโตในอัตรา 9.5% ต่อปีในช่วงตลอด 10 ปีข้างหน้านี้ ซึ่งต่ำลงมาเล็กน้อยจากชั่วระยะที่ผ่านมา ขณะที่ไอเอ็มเอฟใช้เกณฑ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯซึ่งเติบโตโดยเฉลี่ย 2.1% ในช่วงที่ผ่านมา จะสามารถเร่งตัวขึ้นเป็น 2.75% ในรอบ 10 ปีต่อนี้ไป
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Powered by MySQL Powered by PHP Valid XHTML 1.0! Valid CSS!