Deprecated: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in /var/www/vhosts/taradthong.com/httpdocs/webboard/Sources/Load.php(225) : runtime-created function on line 3

Deprecated: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in /var/www/vhosts/taradthong.com/httpdocs/webboard/Sources/Load.php(225) : runtime-created function on line 3

Deprecated: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in /var/www/vhosts/taradthong.com/httpdocs/webboard/Sources/Load.php(225) : runtime-created function on line 3
 กระทู้ล่าสุดของ: ABC
TARADTHONG.COM
ธันวาคม 30, 2024, 10:59:28 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ตลาดทองดอทคอม
 
  หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

Copy Code


  แสดงกระทู้
หน้า: [1] 2 3
1  สมาชิก VIP / General Discussion / หนุ่มใหญ่โผล่ร้องศาลแพ่ง ทวงสิทธิ์หุ้น facebook เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2010, 11:11:24 PM
หนุ่มใหญ่โผล่ร้องศาลแพ่งทวงสิทธิ์หุ้นFB (ไอเอ็นเอ็น)

           หนุ่มใหญ่อเมริกันโผล่ฟ้อง ศาลแพ่งทวงสิทธิ์เป็นหุ้นใหญ่ ของเฟซบุ๊ก อ้าง ทำสัญญาร่วมผู้ก่อตั้ง

           สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายพอล ดี เซกเลีย ชาวเมืองเวลล์สวิลล์ ในรัฐนิวยอร์ก ประกาศตนอ้างว่า ได้ยื่นเรื่องต่อศาลแพ่ง เพื่ออ้างสิทธิ์การเป็นหุ้นใหญ่จำนวน 84 % ของเฟซบุ๊ก เว็บไซต์สังคมออนไลน์ชื่อดัง ซึ่งเขาได้ทำสัญญากับ นายมาร์ค ซูเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก เมื่อปี 2003 ภายใต้สัญญาดังกล่าว ได้ยอมให้เขาสามารถซื้อหุ้น เฟซบุ๊ก เป็นจำนวน 50 % จาก นายซูเคอร์เบิร์ก เป็นมูลค่าจำนวน 1,000 ดอลลาร์ รวมทั้ง การได้รับหุ้นเพิ่มเติมวันละ 1 % จนกว่าเว็บไซต์ดังกล่าวจะถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์

           โดย นายพอล ยังได้เปิดเผยถึง เอกสารสัญญา รวมทั้ง ลายเซ็นอนุมัติการซื้อหุ้นที่เขาอ้างว่าเป็นของ นายซูเคอร์เบิร์ก ด้วย และต้องการให้ศาลอนุมัติให้เขาครอบครองจำนวนหุ้นดังกล่าว ขณะที่ล่าสุด ศาลได้มีคำสั่งห้ามเฟซบุ๊ก โอนทรัพย์สินของบริษัทแล้ว อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊ก ออกโรงปฏิเสธว่า ข้ออ้างดังกล่าวเป็นเรื่องไร้ความหมาย

2  สมาชิก VIP / General Discussion / โสดร่วมสมัย เทรนด์ใหม่ของสาวในเมือง เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2010, 11:08:12 PM
โสดร่วมสมัย เทรนด์ใหม่ของสาวในเมือง

คำว่า รอ เป็นคำสั้น ๆ แต่บางคนใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อรอ เคยรู้สึกไหมว่า คุณเกิดมาเพื่อรอใครสักคน? (จากรักที่รอคอย)

          กรุงเทพเป็นเมืองที่มีคนเหงามากกว่าเสาไฟฟ้า คุณป็นคนหนึ่งที่เห็นด้วยกับความรู้สึกเช่นนี้ด้วยหรือเปล่าว่า ชีวิตฉันอ้างว้างเหลือเกิน ท่ามกลางผู้คนมากมายรายล้อม แต่ฉันกลับเหงาและเปล่าเปลี่ยวเบื้องลึกของหัวใจเหลือเกิน ใช่แล้ว นั่นเป็นเพราะฉันเป็น " สาวโสด!"  ถ้าใช่ขอแนะนำว่าคุณต้องไม่พลาดอ่านเรื่องนี้

โสดร่วมสมัย

          คนส่วนใหญ่อาจเคยได้ยินคำว่า วรรณกรรมร่วมสมัย ศิลปะร่วมสมัย หรือดนตรีร่วมสมัยกันมาบ้างแล้ว แต่คงไม่เคยมีใครได้ยินคำว่า "โสดร่วมสมัย" กันมาก่อนเป็นแน่

          โสดร่วมสมัย หรือ Contemporary Position เป็นคำที่ใช้เรียกถึงความเป็นสาวโสดในเมืองใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพฯ ที่ผ่านมา คำว่า "โสด" เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยที่เราจะเห็นได้ทั่วไป แต่ยังไม่เคยมีใคร ทำการศึกษาสถานภาพและปรากฎการณ์ ตลอดจนผลที่เกิดจากความโสดของสาวไทยในเมืองใหญ่อย่างจริงจัง

          "โสดร่วมสมัย" จะแบ่งลักษณะของปรากฎการณ์และสถานภาพของผู้หญิงโสดของไทยได้ 4 ลักษณะคือ..

          1. เป็นกลุ่มสาวโสดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน หมายความว่า ช่วงเวลาของสาวโสดกับสังคมปัจจุบัน แต่ละช่วงมักกำหนดระยะเวลาตั้งแต่ 10-15 ปี ไม่ว่าสาวโสดนั้นจะมีแนวคิดในเรื่องของความโสดประเภทใดก็ตาม ก็ถือว่าเป็นโสดร่วมสมัยเหมือนกัน

          2. มีแนวความคิดของ 'คนโสด' เหมือนกัน ซึ่งอาจปรากฎได้แม้ต่างสมัยกัน เช่น แนวคิดโสดสุขใสซาบซ่า หรือแนวคิดโสดสนิท ไม่ได้ผิดตรงไหน ในสมัยของคนเจนเนอเรชั่นบูมเมอร์ส กับสมัยคนเจนเนอเรชั่นเอ็กซ์ เป็นต้น

          3. เป็นสาวโสดที่มีแนวคิดก้าวหน้า และมีผลกระทบในทางสร้างสรรค์แก่สังคม

          4. ลักษณะสาวโสดไทย ที่พิจารณาจากลักษณะแนวคิดที่เปลี่ยนไปจากเดิมหลังจากรับอิทธิพลจากแนวคิด ของสาวโสดในตะวันตก เช่น แนวคิดการพึ่งพาตนเองเป็นหลัก

โสดนี้มีที่มา
 
          ไม่ว่าขณะนี้ คุณกำลังเป็นโสดซ่อนกิ๊ก โสดภาคบังคับ โสดสนิทไม่ติดใจ โสดรอได้ โสดเพ้อฝัน โสดซาบซ่า ทั้งหมดนี้ถือว่าคุณมีสถานภาพเป็นสาวโสดเหมือนกันหมด ในสังคมสมัยก่อนส่วนใหญ่มองผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งงานในเชิงลบ สมัยนี้อาจเป็นเรื่องธรรมดา แต่คำที่ใช้เรียกสาวโสดก็ยังไม่เปลี่ยน เช่น ขึ้นคาน สาวทึนทึก สาวแก่ ยัยป้าค้างหิ้ง ฯลฯ ในภาษาอังกฤษสาวโสดจะใช้คำว่า Single เป็นคำเรียกกลาง ๆ แต่อีกสองคำคือ Spinster และ Old Maid แปลว่า สาวทึนทึก หรือสาวแก่ จะมีความหมายแฝงเป็นเชิงลบและแสดงการดูถูกสาวโสดว่า เป็นผู้ที่ไม่ได้ถูกเลือก ในขณะที่หนุ่มโสด ภาษาอังกฤษใช้คำว่า 'Bachelor' มีความหมายในแง่บวก ทำนองว่าเป็นหนุ่มรักอิสระ รักสนุก ไม่ชอบผูกมัด และมีทางเลือก

          ในขณะที่คำศัพท์แสลงของชาวออซซี่ที่ใกล้เคียงในการเรียกสาวโสดก็คือ 'Left on the shelf' ความหมายจะใกล้เคียงกับคำว่า 'ขึ้นคาน' หมายถึง เหลืออยู่บนหิ้ง หรือชั้นวางของ

          ส่วนคำว่า ขึ้นคาน ของไทย เป็นสำนวนหมายถึง หญิงที่มีอายุเลยวัยสาว (ไม่ได้บอกว่าตั้งแต่อายุเท่าไหร่) แต่ยังไม่ได้แต่งงาน มีนัยตำหนิ เพราะโบราณจะนิยมให้ผู้หญิงแต่งงานจะได้มีคนดูแลปกป้องและไม่โดดเดี่ยว ส่วนที่มาของคำว่าขึ้นคาน ขุนวิจิตรมาตรา ปราชญ์ภาษาไทย ได้แสดงอรรถาธิบายไว้ว่า มาจากการเรียกเรือที่ยกขึ้นพาดไว้บนคานเพื่อซ่อมรอยรั่ว ในตอนนั้นเรือใช้ประโยชน์ไม่ได้ ค้างเติ่งอยู่บนคาน จึงมีการนำคำว่าขึ้นคาน มาเรียกสตรีผู้ถึงวัยมีสามีแล้วแต่ยังไม่ตกร่องปล่องชิ้นมีคู่ เปรียบเป็นเหมือนกับเรือที่อยู่บนคาน

โสดในเมืองใหญ่
 
          อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีคำเรียกสาวโสดว่าขึ้นคานให้ได้ยินอยู่เป็นประจำ แต่จากผลการสำรวจพบว่า ผู้หญิงไทยยุคใหม่ร้อยละ 98 มองว่าการขึ้นคานไม่ใช่สิ่งที่แปลกอีกต่อไป จากข้อมูลยังพบว่า ผู้หญิงสมัยนี้จะแต่งงานก็ต่อเมื่อมีความพร้อมทางสถานะทางสังคม เช่น มีตำแหน่งหน้าทีการงานที่ดี มีความพร้อมทางด้านการเงิน และมีความพร้อมทั้งในครอบครัวของฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย ทำให้ผู้หญิงคิดว่าอายุที่เหมาะสมที่ตนเองถึงวัยอันสมควรและพร้อมจะแต่งงาน คืออายุประมาณ 26-30 ปี และถ้าเลยอายุช่วงนี้ไปผู้หญิงเกือบร้อยละ 90 จะเริ่มกังวลว่าตนเองจะขึ้นคาน แต่ถึงแม้ว่าจะมีความกังวลผู้หญิงยุคใหม่ก็มองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป ที่จะใช้ชีวิตอยู่คนเดียวเพราะสามารถที่จะหาเลี้ยงและพึ่งพาตนเองได้ และถ้าไม่สามารถหาผู้ชายที่ดี ๆ ได้ก็อยู่เป็นโสดดีกว่า

          ทุกวันนี้คนเมืองใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวเมืองในกรุงเทพมหานคร กำลังปรับวิถีชีวิตให้เข้ากับ 'คติเมือง' หรือ Urbanism เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอย่าง 'ปัจเจกนิยม' โดยอาศัยอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของความเจริญทางวัตถุและ ความหลากหลายของวัฒนธรรมที่ถาโถมเข้ามา

          จากงานวิจัย ของ บ.นาโน เซิร์ช จำกัด พบว่า ผู้หญิงไทยในกรุงเทพฯ ร้อยละ 41 ยังครองชีวิตโสดอยู่ แบ่งช่วงอายุออกเป็น 2 ช่วงคือ อายุ 25-35 ปี ร้อยละ 50 และอายุ 36-45 ปี ร้อยละ 50 สัดส่วนเท่ากัน และที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี มีอยู่ถึงร้อยละ 95.5 และทำงานอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน ร้อยละ 78.5

          ส่วนพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของกลุ่มคนโสดจึงเป็นที่น่าจับตาของธุรกิจ หลาย ๆ ประเภท เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ตัดสินใจได้ง่ายกว่า จากการศึกษาพบว่า สาวโสดร้อยละ 55 มีการถือบัตรเครดิตมากกว่า 1 ใบ ในขณะที่สาวโสดร้อยละ 67 รู้สึกดีกับการใช้ชีวิตโสด ส่วนอีกร้อยละ 33 ไม่รู้สึกดีหรือไม่ชอบชีวิตโสด

โสดขึ้นคาน

          ถึงแม้สาวไทยที่ยังโสดอยู่จะมีความเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้มากขึ้นในทุกวันนี้ แต่สาวโสดก็ยังคงต้องฝ่าฟันกับทัศนคติและความเชื่อของคนทั่วไป ที่มีอคติกับคนโสดอยู่ดี

          คนส่วนใหญ่มักเรียกหรือสร้างสถานการณ์ทำให้คนที่ยังโสดอยู่ กลายเป็นเรื่องราวฮาเรี่ยราด ขำขันกระจายกันสนุกปาก ขณะที่เจ้าตัว 'คนโสด' เอง กลับคิดว่ามันเป็น 'ตลกร้าย' ที่แฝงการเหยียดสถานภาพ เราอาจคุ้นเคยกับเรื่องการเหยียดสีผิว เหยียดชนชั้น กันมาพอสมควร แต่การเหยียดสถานภาพของคนที่ยังไม่ได้แต่งงานนั้น ถือเป็นเรื่องใหม่ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ได้ให้ความสำคัญในการเรียกร้องสิทธิ กันอย่างจริงจัง

          "อายุป่านนี้ทำไมยังไม่แต่งงาน" "เมื่อไหร่จะลงจากคาน" "ไม่มีใครเอาเหรอ" ฯลฯ คำถามเหล่านี้กลายเป็นคำถามต้องห้ามแสลงใจสาวโสด ที่คนส่วนใหญ่มักถามซ้ำ ๆ ซาก ๆ กับผู้หญิงที่ถึงวัยแต่งงาน (แต่จริง ๆ แล้วไม่มีมาตรฐานไม่ใช่หรือว่า ต้องอายุเท่าไหร่จึงควรแต่งงาน เพราะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) แต่ก็ยังไม่ได้แต่ง
ในขณะที่ 1 ใน 3 ของสาวโสดรู้สึกไม่ชอบใจกับคำพูดของคนในสังคมที่มักกระทบกระเทียบ "ความเป็นโสด" ประหนึ่งมีความผิดร้ายแรง โดยตั้งใจหรือไม่นั้น คำพูดก็แสดงออกถึงมุมมองของผู้พูดที่มีต่อ "สาวโสด" ได้ส่วนหนึ่ง

          ในจำนวนนี้ ผู้หญิงโสดวัย 32 ที่ทำงานท่ามกลางผู้หญิงวัยรุ่น เปิดเผยความรู้สึกว่า เธอรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากกับคำถามเหล่านี้ โดยเฉพาะคำล้อเล่นว่า "สาวแก่" เป็นความรู้สึกยากที่จะยอมรับทีเดียว เพราะการที่เธอเลือกที่จะอยู่เป็นโสดนั้นก็เพียงเพราะเธอยังไม่พบคนที่ "ใช่"

โสดสนิท มันผิดตรงไหน

          "มันผิดตรงไหน ถ้าชอบอยู่คนเดียว แล้วไม่คิดที่จะโหยหาใคร" แปม-นุชนารถ นักข่าวสาววัย 29 ปี กล่าว เธอเล่าให้ WP ฟังว่า เมื่อก่อนแปมจะกลัวมากกับคำว่า ขึ้นคาน หรือ รถด่วนขบวนสุดท้าย แปมคบกับแฟนมาได้ 7 ปี ก็คิดว่าเดี๋ยวเขาก็ขอเราแต่งงานในไม่ช้า แต่ที่ไหนได้เมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา แปมกลายเป็น โสดฟ้าแลบ ไปเลย เพราะแฟนทิ้งแปมไปแต่งงานกับคนอื่นเฉยเลย แปมร้องไห้และสิ้นหวังที่สุด แต่พอเวลาผ่านไปจนถึงเดี๋ยวนี้ แปมก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ตอนนี้มีเวลาเต็มที่ เหลือเวลามากพอที่จะเก็บเกี่ยวความฝันที่หายไปของตัวเอง มีเวลาดูแลคุณพ่อคุณแม่มากขึ้น แปมให้รางวัลตัวเองได้อย่างสบายใจ ด้วยการตามใจตัวเอง ไม่ได้เอาชีวิตเราขึ้นอยู่กับผู้ชายอีกต่อไป แปมเรียกมันว่า รางวัลคนโสดค่ะ

          เช่นเดียวกับ พร-พรทิวา สาวใหญ่วัย 41 ปี อาชีพค้าขาย ที่บอกกว่า พรหยุดเอาความฝันของตัวเองไปห้อยต่องแต่งกับคนอื่นมานานแล้ว พรเห็นคนที่มีแฟนหรือแต่งงานแล้วไม่มีความสุขก็มีเยอะไป ไม่ใช่ว่าพรปฏิเสธที่จะมีความรัก แต่แค่จะบอกว่า ชีวิตโสด มันมีอะไรที่เราจะเพิ่มคุณค่าและทำมากกว่าที่เราคิด และก็ไม่ใช่เป็นความคิดแบบองุ่นเปรี้ยวมะนาวหวานที่ว่า เราไม่มีแฟน ก็เลยพยายามพูดว่าเป็นโสดดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่มันเป็นเรื่องจริง โบราณเขาถึงได้บอกว่า คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า ถ้าใส่กำไล 2 วง มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีเสียงที่เกิดจากการกระทบกัน ถ้าอย่างนั้นก็สู้ใส่กำไลวงเดียวไม่ดีกว่าเหรอ เพราะสวยเหมือนกัน แต่ไม่ต้องมีเสียงก๊องแก๊งสร้างความรำคาญ

          สาวโสดหลายคนสร้างสรรค์ แถมสอดแทรกอารมณ์ขันได้อย่างเจ็บ ๆ คัน ๆ แต่ก็ได้อารมณ์หัวเราะแบบ หึ ๆ อย่างสะใจ เมื่อพวกเธอช่วยกันคิดข้อความที่ปรากฎบนเสื้อยืดว่า อย่าสติแตก ไม่แปลก ถ้าฉันจะโสด!
3  สมาชิก VIP / General Discussion / เข้าห้องน้ำสาธารณะให้ปลอดภัย เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2010, 11:06:14 PM
เข้าห้องน้ำสาธารณะให้ปลอดภัย (Modern Mom)

          เป็นที่รู้กันว่า ห้องน้ำสาธารณะเป็นสถานที่ที่มีผู้คนมาใช้บริการจำนวนมากต่อวัน เพราะฉะนั้น จึงเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคจำนวนมาก แล้วหากคุณจำเป็นต้องเข้าห้องน้ำสาธารณะ จะทำอย่างไรจึงจะปลอดภัยจากเชื้อโรคเหล่านั้นได้

 แหล่งเพาะเชื้อโรคชั้นยอด

          อย่างที่รู้กันดีว่า ห้องน้ำเป็นที่ปลดปล่อยของเสียจากร่างกาย แน่นอนว่าภายในห้องน้ำย่อมมีเชื้อโรคอยู่มาก โดยเฉพาะห้องน้ำสาธารณะที่มีผู้คนมากหน้าหลายตาแวะเวียนไปใช้งาน ย่อมมีการแพร่กระจายของเชื้อโรคมากขึ้นด้วย Modern Mom มีคำยืนยันจาก พญ.อัญชุลี สิทธิเวช ผู้ชำนาญเฉพาะทางสูตินรีเวชาวิทยา และอนุสาขาเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ โรงพยาบาลวิภาวดี ว่า

          "ห้องน้ำสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นตามห้างสรรพสินค้า สถานที่ราชการ โรงพยาบาล หรือปั๊มน้ำมัน ในแต่ละวันมีผู้มาใช้บริการจำนวนมาก ทำให้ห้องน้ำสาธารณะหลายแห่งขาดความสะอาด ไม่ได้มาตรฐาน และเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรค แม้บางที่จะได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่บ้างก็ตาม แต่เพราะเป็นห้องน้ำที่มีผู้คนมาใช้บริการมากหน้าหลายตา ทำให้ผู้มาใช้บริการทีหลังไม่มีโอกาสรู้เลยว่า คนที่มาใช้บริการก่อนหน้าเรานี้มีเชื้อโรคอะไรอยู่ในร่างกายบ้าง หรือใช้ห้องสะอาดเพียงใด และเป็นสาเหตุให้มีโอกาสติดเชื้อโรคจากต้องน้ำสาธารณะได้ โดยไม่รู้ตัว"

          คุณหมอยังบอกอีกว่า เชื้อโรคในห้องน้ำสาธารณะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ เชื้อโรคกลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เชื้อหนองใน เชื้อเริม เป็นต้น ส่วนอีกกลุ่มเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดโรคระบบทางเดินอาหาร เช่น เชื้ออุจจาระร่วง เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอ เป็นต้น

          เชื้อพวกนี้แฝงตัวอยู่ที่ไหน คำตอบคืออาจแฝงอยู่ตามจุดต่าง ๆ ของห้องน้ำ เช่น ชักโครก อ่างล้างมือ หรือแม้กระทั่งลูกบิดประตู แต่โอกาสที่จะติดเชื้อพวกนี้จนทำให้เกิดโรค หรือเป็นอันตรายได้ ขึ้นอยู่กับว่าได้สัมผัสกับเชื้อในปริมาณที่มากพอหรือไม่ โดยเชื้อโรคจะซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนังที่มีแผล หรือสัมผัสแล้วไปจับอาหารเข้าปาก ก็เป็นอีกหนึ่งหนทางที่ได้รับเชื้อโรคเต็ม ๆ

          นอกจากนี้ ห้องน้ำสาธารณะบางแห่งเมื่อเข้าไปใช้บริการแล้ว ยังไม่มีบริการกระดาษทิชชู ไม่มีน้ำราด น้ำไม่ไหล ฯลฯ ทำให้ผู้มาใช้ละเลยการทำความสะอาด ฉะนั้น หากจำเป็นต้องใช้ห้องน้ำสาธารณะเวลาออกไปสถานที่ต่าง ๆ ก็ต้องใส่ใจเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงมักจะมีโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อโรค จากการใช้ห้องน้ำสาธารณะได้ง่ายกว่าผู้ชาย จึงจำเป็นต้องดูแลตัวเองและหาทางป้องกันให้ดีด้วย

 เทคนิคใช้ห้องน้ำสาธารณะให้ปลอดภัย

          เมื่อจะเข้าห้องน้ำสาธารณะต้องนึกถึงเรื่องความสะอาดเป็นอันดับแรก แต่เราจะใช้ห้องน้ำสาธารณะอย่างไรให้ห่างไกลเชื้อโรคร้าย เรามีวิธีปฏิบัติง่าย ๆ มาฝากกัน

           อย่าสัมผัสโดยตรง ทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำสาธารณะ ถ้าเป็นไปได้ควรให้ร่างกายสัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ ในห้องน้ำน้อยที่สุด เช่น เมื่อเปิดประตูเข้าไป อาจจะใช้ทิชชูวางบนลูกบิดแล้วหมุนเข้าไป เป็นต้น

           ทำความสะอาดก่อนนั่ง ก่อนนั่งก็ควรทำความสะอาดที่นั่ง ด้วยกระดาษทิชชูแบบเปียกชนิดฆ่าเชื้อ หรือพกกระดาษรองนั่งไปปูบนฝาชักโครกก่อนทำธุระ และระวังอย่าให้แผ่นรองเปียกน้ำเด็ดขาด เพราะเชื้อโรคอาจจะแทรกซึมมากับน้ำได้

           ใช้เวลาน้อยที่สุด ไม่ต้องถึงขั้นจับเวลา แต่ควรใช้เวลาในการทำกิจธุระในห้องน้ำให้สั้นที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้าจำเป็นต้องใช้ชักโครก ควรเลือกดูห้องที่สะอาดที่สุด และหลังทำธุระเสร็จ ควรปิดฝาชักโครกก่อนกด เพื่อป้องกันเชื้อโรคแพร่กระจายในอากาศ

           ไม่เหยียบโถส้วม หลายคนใช้บริการห้องน้ำสาธารณะผิดวิธี โดยใส่รองเท้าขึ้นไปนั่งบนฝารองนั่ง เพราะคิดว่าจะทำให้ไม่สัมผัสกับเชื้อโรค แต่จริง ๆ แล้ว ระหว่างที่ทำธุระอาจจะมีการกระเด็นของน้ำในโถ ซึ่งเป็นที่รวมเชื้อโรคมาเปื้อนได้มากกว่าการนั่งธรรมดา

           ไม่ตักน้ำที่เปิดไว้ การใช้น้ำล้างทำความสะอาด ไม่แนะนำให้ตักในส่วนที่มีอยู่ในถังเดิมใช้ แต่ควรรองจากก๊อกโดยตรง เพื่อป้องกันเชื้อโรคที่สะสมอยู่ในถังน้ำ เพราะบางคนเอามือจุ่มล้างในถัง หากเป็นสายฉีดก็ควรฉีดน้ำให้ไหลทิ้งประมาณ 1 นาที เพื่อป้องกันเชื้อโรคที่ปะปนบริเวณรอบ ๆ สายฉีดได้

           ล้างมือทุกครั้งหลังเสร็จธุระ เมื่อเข้าห้องน้ำสาธารณะเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อไม่ให้เชื้อโรคติดมากับมือของเรา ควรล้างมือให้สะอาด โดยเริ่มต้นล้างมือด้วยน้ำสะอาด และเริ่มล้างตั้งแต่มือแขนไปจนถึงข้อศอก ใช้มือแต่ละข้างถูบริเวณหลังมือของอีกข้างหนึ่ง แล้วถูฝ่ามือทั้งสองข้างขัดสิ่งสกปรกบริเวณซอกเล็บ ข้อนิ้วและง่ามมือ ล้างสบู่ออกด้วยน้ำสะอาด และเช็ดมือให้แห้งด้วยกระดาษเช็ดมือ หากไม่มีสบู่ ก็ใช้น้ำสะอาดล้างซ้ำหลาย ๆ ครั้ง

          การใช้ห้องน้ำสาธารณะ นอกจากจะต้องคำนึงถึงสุขอนามัยของตัวเองแล้ว เราควรคำนึงถึงความสะอาดสำหรับผู้ที่จะมาใช้ต่อด้วย เนื่องจากเชื้อโรคต่าง ๆ มีการพัฒนาสายพันธุ์มากมาย การใช้ห้องน้ำสาธารณะอย่างถูกต้องและระมัดระวัง ก็จะช่วยป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ เหล่านั้นได้
4  สมาชิก VIP / General Discussion / เด็กสมัยก่อนเรียนหนังสือกับพระ เขาเรียนอะไรกัน ? เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2010, 11:00:28 PM
เด็กสมัยก่อนเรียนหนังสือกับพระ เขาเรียนอะไรกัน ?
การเรียนหนังสือ กับพระ ในสมัยโบราณ คงจะเรียน ไม่เหมือนกัน คือเรียนตามความรู้ของพระที่สอน หลักสำคัญก็คือ เรียนอ่านหนังสือให้ออก ฉะนั้น จึงเริ่มด้วย หัดอ่าน ก ข จนจำได้แล้วจึงสอนประสมตัว หัดอ่านหนังสือที่เป็นเรื่อง สอนเลขเบื้องต้น สอนโหราศาสตร์ พระบางรูปก็สอน หนังสือขอมให้ด้วย เพราะตำราโบราณ นิยมเขียนเป็น อักษรขอม บางอาจารย์ เข้มงวดเรื่องลายมือ ให้หัดคัดเขียน ตัวหนังสือ ให้สวยงาม เพราะถือว่าลายมือดี เขียนหนังสือถูก ก็เป็นเสมียนได้ หรือรับจ้างคัด และจารหนังสือ เป็นอาชีพได้

......นอกจากเรียนหนังสือแล้ว ยังได้รับการสั่งสอนเรื่อง กิริยา มารยาท การพูดจา เพราะเด็กผู้ชายจะอยู่ที่วัดหรือไปกลับก็ตาม จะต้องคอยปรนนิบัติพระ เช่น ประเคนอาหาร ต้มน้ำชงชา ตำหมาก จนถึงบีบนวด เพราะพระที่สอนส่วนมาก จะมีอายุมากแล้ว ต้องรู้จัก หุงอาหารกินเอง ทำความสะอาดกุฏิที่อยู่ ก่อนนอนก็ต้องสวดมนต์ไหว้พระ

......สรุปว่า การเรียนหนังสือกับพระสมัยก่อน ได้ทั้งวิชาหนังสือ และความประพฤติที่ดีไปด้วย

ขอขอบคุณ :  108ซองคำถาม
5  สมาชิก VIP / General Discussion / ผลทดสอบยืนยันฟันธง iPhone 4 ไม่ OK เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2010, 10:55:55 PM
ผลทดสอบยืนยันฟันธง iPhone 4 ไม่ OK
ผลการทดสอบอย่างละเอียดของ Consumer Reports นิตยสารที่ให้ความเป็นกลางในการทดสอบผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคได้เปิดเผยว่า iPhone 4 มีปัญหาจริง พร้อมทั้งถอดชื่อสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ออกจากรายการแนะนำ (recommended list) โดยทีมวิศวกรที่ทดสอบได้ยืนยันปัญหาสายหลุดเนื่องจากเสาอากาศโดนบล็อคสัญญาณ ขณะถือเป็นเรื่องจริง!!!

       อย่างไรก็ตาม iPhone 4 ก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างสูงอยู่ในปัจจุบัน หากลืมเรื่องปัญหาดังกล่าวไปซะ ทั้งนี้ข้อมูลจากเว็บไซต์ Consumer Reports ระบุว่า วิศวกรได้ทำการทดสอบ iPhone 4 พร้อมทั้งยืนยันปัญหาสายหลุด เมื่อนิ้ว หรือมือของผู้ใช้สัมผัสบริเวณมุมล่างซ้ายของเครื่อง ซึ่งปัญหานี้จะเกิดขึ้นกับผู้ที่ถือ iPhone 4 มือซ้ายโดยเฉพาะ โดยสัญญาณจะลดทอนจนสายหลุด โดยเฉพาะในกรณีที่คุณอยู่ในบริเวณที่สัญญาณอ่อนด้วยแล้ว และด้วยปัญหาดังกล่าว ทาง Consumer Reports จึงไม่สามารถแนะนำให้ผู้บริโภคเลือกใช้ iPhone 4 ได้


       ในขณะที่แอปเปิ้ล (Apple) ยังคงยืนยันว่า ปัญหาของ iPhone 4 เป็นที่ซอฟต์แวร์ ซึ่งแสดงแท่งสัญญาณมากกว่าความเป็นจริง 2 แท่ง แต่วิศวกรของ Consumer Reports ที่ทำการทดสอบฟันธงว่า ไม่ใช่อย่างแน่นอน พวกเขาบอกว่า iPhone 4 มีปัญหาที่ดีไซน์ของฮาร์ดแวร์ โดยหลังจากที่ได้ทดสอบ iPhone 4 ที่มีอยู่ 3 เครื่อง เปรียบเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ที่ใช้เครือข่าย AT&T เช่นเดียวกัน พบว่า iPhone 4 เกิดปัญหาดังกล่าว ซึ่งไม่เกียวกับเครือข่าย ทั้งนี้ทีมวิศวกรที่ทดสอบยังได้ให้คำแนะนำผู้ใช้ให้ติดเทปตรงบริเวณเสาอากาศ เพื่อแก้ปัญหาสายหลุดอีกด้วย เฮ่อ...iPhone 4 งานเข้าอีกแล้ว
6  สมาชิก VIP / General Discussion / มะเร็งลำไส้ใหญ่ เกิดจากกรรมพันธุ์มากถึง 3 เท่า เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2010, 08:52:27 PM

มะเร็งลำไส้ใหญ่ เกิดจากกรรมพันธุ์มากถึง 3 เท่า (หมอชาวบ้าน)

          พบมะเร็งลำไส้ใหญ่ในกรุงเทพฯ 7-10 คนต่อประชากร 1 แสนคน เหตุจากกรรมพันธุ์ 2-3 เท่า และพฤติกรรมการกินอยู่แบบทันสมัย

          ศ.กิตติคุณ นพ.จรัส สุวรรณเวลา รองประธานศูนย์วิจัยศึกษาและบำบัดโรคมะเร็งสถาบันวิจัยจุฬาลงภรณ์ และ นพ.ณวรา ดุสิตานนท์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาศัลยศาสตร์มะเร็งลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก เปิดเผยถึงผลสรุปของโครงการบำเพ็ญพระกุศลใน ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ.2552 ของ "โครงการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้และทวารหนัก"

          นพ.ณวรา กล่าวว่า โรงพยาบาลจุฬาลงภรณ์ได้เริ่มโครงการในวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ.2552 เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ โดยให้ผู้ที่มีอายุ 50-65 ปี เข้าตรวจคัดกรองโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยวิธีการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่พบว่า มีจำนวน 1,500 ราย ที่สามารถจำกัดได้ว่ามีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้หรือไม่ เบื้องต้นได้ตรวจคัดกรองจนถึงปลายเดือนพฤษภาคมจำนวน 1,300 ราย ตรวจพบมะเร็งลำไส้ใหญ่ 15 ราย

          นอกจากนี้ ยังได้ตรวจประชาชนในส่วนของภูมิภาค ซึ่งได้ทำการคัดเลือกผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด และกิ่งอำเภอหนองฮี พร้อมทั้งได้ทำการตรวจหาเลือดที่ปนในอุจจาระ ซึ่งมีผู้สนใจเข้ารับการตรวจ 9,220 ราย จากผู้ที่มีอายุเกิน 50 ปี ประมาณ 21,000 ราย โดยตรวจพบความผิดปกติจำนวน 730 ราย ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ ให้แพทย์เข้าไปทำการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ ในผู้เข้าร่วมโครงการกลุ่มนี้ช่วงวันที่ 26-30 เมษายน พ.ศ.2553 จำนวน 539 ราย ตรวจพบมะเร็งลำไส้ใหญ่ 10 ราย

          สำหรับสาเหตุของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เกิดจากกรรมพันธุ์ประมาณ 2-3 เท่าตัว ส่วนปัจจัยอื่นซึ่งไม่เด่นชัดมากนักมาจากอาหารการกิน การใช้ชีวิตท่ามกลางความทันสมัย เป็นต้น โดยเฉลี่ยพื้นที่กรุงเทพมหานครพบประมาณ 7-10 คนต่อประชากร 1 แสนคน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่ชนบท ทั้งอำเภอพนมไพรและกิ่งอำเภอหนองฮี จำนวน 130,000 คนพบโรคเฉลี่ย 8-10 คนต่อประชากร 1 แสนคน ส่วนตัวเลขภาพรวมของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ระบุว่าโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่พบมากเป็นอันดับ 3 ในเพศชาย และพบมากเป็นอักดับ 5 ในเพศหญิง

          "การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่นั้นวิธีที่ดีที่สุด คือ การส่องกล้อง ซึ่งไม่จำเป็นต้องตรวจประจำทุกปี เพราะตรวจเพียงครั้งเดียวครอบคลุม ประมาณ 5-10 ปี อย่างไรก็ตาม การตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่มีหลายระยะ โดยระยะศูนย์ เป็นระยะที่ยังไม่มีการลุกลามเข้าผนังลำไส้ การรักษาจะใช้การตัดติ่งเนื้อผ่านกล้อง โอกาสหายขาด 100 เปอร์เซ็นต์ ระยะนี้เป็นการตรวจพบโดยบังเอิญ ส่วนระยะที่ 1-2 มีการกินเข้าไปผนังลำไส้แล้ว การรักษาใช้วิธีการผ่าตัดลำไส้ส่วนที่เป็นมะเร็ง แต่ไม่จำเป็นต้องให้เคมีบำบัด หรือฉายแสง โอกาสหายขาด ร้อยละ 80-90"

          "ระยะที่ 3 เป็นมะเร็งที่ลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลือง การรักษาใช้การผ่าตัดร่วมกับการใช้เคมีบำบัดและการฉายรังสี และระยะที่ 4 ซึ่งเป็นระยะสุดท้าย มะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ ทั้งตับปอด เป็นระยะแพร่กระจายต้องทำการผ่าตัดเพื่อบรรเทาอาการ ร่วมกับการใช้เคมีบำบัด"
7  สมาชิก VIP / General Discussion / เพลย์บอยฉุน สั่งระงับฉบับโปรตุเกส ลงปกฉาวพระเยซูโอบประคองหญิงสาวเปลือยบนเตียง เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2010, 08:48:21 PM
เพลย์บอยฉุน สั่งระงับฉบับโปรตุเกส ลงปกฉาวพระเยซูโอบประคองหญิงสาวเปลือยบนเตียง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า "เพลย์บอย"นิตยสารผู้ใหญ่ของสหรัฐ ได้ประกาศระงับการจำหน่ายเพลย์บอยฉบับภาคภาษาโปรตุเกส ที่ลงปกเป็นภาพพระเยซู โอบประคองหญิงสาวเปลือยบนเตียง ซึ่งได้ไอเดียมาจากวรรณกรรมอื้อฉาวชื่อ"The Gospel"ของนายโฮเซ่ ซารามาโก เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ระบุว่า เพลย์บอยรู้สึกไม่พอใจอย่างมากกับภาพปกดังกล่าวของเพลย์บอยฉบับโปรตุเกส โดยนางเทเรซ่า เฮนเนสซี่ รองประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทเพลย์บอย เอ็นเตอร์ไพร้ซ์ บอกว่า เราไม่ได้เคยเห็นภาพหรือได้อนุมัติปกหนังสือเพลย์บอยภาคภาษาโปรตุเกสล่าสุดมาก่อน ภาพดังกล่าวเป็นการละเมิดมาตรฐานของเราอย่างน่าตะลึง และเราจะไม่มีมันยอมให้มันถูกตีพิมพ์เป็นอันขาด หากเรารู้เรื่องนี้ก่อนล่วงหน้า
 
รายงานระบุว่า สำหรับวรรณกรรม"The Gospel"ของนายโฮเซ่ ซากามาโร่ ถือเป็นนิยายบรรยายชีวิตของพระเยซูไคร้สในฐานะมนุษย์ที่มีชีวิตเยี่ยงปุถุชน และได้สร้างความไม่พอใจให้แก่คริสต์จักรโรมันคาธอลิก ซึ่งประณามนายซากามาโร่ว่า มีทัศนะเชิงต่อต้านศาสนา ทว่า นิยายดังกล่าวกลับถูกนักวิจารณ์รายอื่น ๆ ชื่นชมว่าเป็นนิยายที่บีบอารมณ์ เย้ายวน และแฝงด้วยปรัชญาอย่างลึกซึ้ง
8  สมาชิก VIP / General Discussion / ด่วน!!! MS จะเลิกซัพพอร์ต Win XP SP2 เมื่อ: กรกฎาคม 05, 2010, 11:55:17 PM
ด่วน!!! MS จะเลิกซัพพอร์ต Win XP SP2
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] รายงานข่าวล่าสุด ถ้าคุณยังเป็นผู้หนึ่งที่ใช้คอมพิวเตอร์ที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Windows XP SP2 (Service Pack 2) คุณมีเวลาถึงวันที่ 13 กรกฎาคมนี้เท่าน้้นที่คุณจะต้องอัพเกรดโอเอสแล้ว เพราะหลังจากวันดังกล่าวไมโครซอฟท์ (Microsoft) จะเลิกซัพพอร์ต หรือพูดด้วยภาษาที่เข้าใจได้ง่ายขึ้นก็คือ จะไม่มีการออกอัพเดตอุดช่องโหว่ใดๆ สำหรับ Windows XP SP2 ให้อีกต่อไป

พื้นที่โฆษณา 

สนใจลงโฆษณา ติดต่อ โทร.0-2642-3400 ต่อ 4613
ไมโครซอฟท์ประกาศเลิกซัพพอร์ตระบบปฏิบัติการ Windows XP SP2 และ Windows 2000 โดยจะไม่ออกอัพเดตใดๆ ให้กับโอเอสสองตัวนี้อีกต่อไป ซึ่งนั่นหมายความว่า หากมีการพบช่องโหว่ใดๆ หลังจากวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ ผู้ใช้จะต้องรับผิดชอบตัวเอง Wilson Xavier ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจ Windows Client ของไมโครซอฟท์กล่าวว่า "ผู้เขียนมัลแวร์ยังคงไม่หยุดที่จะตั้งเป้าโจมตีระบบปฎิบัติการ Windows XP ซึ่งไมโครซอฟท์กำลังจะเลิกอัพเดตไดรเวอร์ ตลอดจนอุดช่องโหว่ต่างๆ แล้ว (ปกติจะออกอัพเดตให้ทุกๆ วันอังคารที่สองของเดือน) ดังนั้นผู้ใช้อาจจะเสี่ยงต่อการโดนโจมตีจากผู้ไม่หวังดีเหล่านี้มากขึ้น"


"พีซีที่ติดไวรัสในองค์กรจะถูกตั้งค่าการทำงานโดยเหล่าวายร้ายไซเบอร์ด้วยมัลแวร์ที่ถูกส่งผ่านเข้าไปในเครือข่าย หรือในรูปของบอตเน็ตที่อยู่ในพีซีที่ติดไวรัสเครื่องอื่นๆ เพื่อใช้ในการส่งสแปม ขโมยข้อมูล ตลอดจนฉกบัญชีผู้ใช้ธนาคาออนไลน์" Wilson กล่าว Windows XP ได้ชื่อว่าเป็นโอเอสที่แข็งแรง และปลอดภัย อีกทั้งยังมีส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกสูงถึง 63% ตามด้วย Vista 21% และ Windows 7 อีก 9.4% อย่างไรก็ดี Wilson แนะนำวิธีที่ง่าย และเร็วที่สุดก็คือ อัพเกรดเป็น Service Pack 3 หรือไม่ก็เปลียนไปใช้ Windows 7 แต่การอัพเกรดเป็น Windows XP SP3 จริงๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เนื่องจากมันไม่สามารถอัพเกรดจาก XP ผู้ใช้จะต้องลงใหม่ การย้ายไป Windows 7 ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ในขณะที่เปลี่ยนไปใช้ SP3 จะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนผู้ใช้ XP จะไม่มีทางเลือก เพราะหากไม่อัพเกรดไปใช้ SP3 หรือ Windows 7 ก็ไม่ปลอดภัยแน่นอน สุดท้ายต้องไม่ลืมว่า ไมโครซอฟท์จะสิ้นสุดการสนับสนุน Windows XP โดยสมบูรณ์ในวันที่ 8 เมษายน 2014

ข้อมูลจาก: gulfnews
9  สมาชิก VIP / General Discussion / เคล็ดลับจัมพ์แบตเตอรี่ให้ปลอดภัย เมื่อ: กรกฎาคม 05, 2010, 08:42:25 AM
เคล็ดลับจัมพ์แบตเตอรี่ให้ปลอดภัย
เวลาขับรถบนท้องถนน ความปลอดภัยในการเดินทางเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด แต่บ่อยครั้งก็มักเกิดปัญหาไม่คาดคิดโดยเฉพาะปัญหาแบตเตอรี่หมด ที่ทำให้ระบบเครื่องยนต์หยุดชะงัก และเป็นปัญหาที่ต้องรีบแก้ไขเฉพาะหน้า ด้วยวิธีการต่อสายพ่วงแบตเตอรี่ หรือที่เรียกกันติดปากว่า “จัมพ์แบตเตอรี่” เพื่อให้เกิดกำลังไฟเพียงพอที่จะทำให้ระบบต่างๆ ของเครื่องยนต์ทำงาน และสามารถเดินรถต่อไปได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ

นายประกาสิทธิ์ พรประภา กรรมการ บริษัท สยามยีเอส แบตเตอรี่ จำกัด และบริษัท สยามยีเอสเซลส์ จำกัด ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ “GS แบตเตอรี่” ให้คำแนะนำว่าปัญหาของแบตเตอรี่หมดระหว่างการขับรถบนท้องถนนอาจเกิดได้จาก หลายสาเหตุ ทั้งสายต่อไดชาร์จหลวม น้ำกลั่นหมด แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ หรือกำลังไฟของแบตเตอรี่มีไม่เพียงพอ การจัมพ์แบตเตอรี่เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยจะต้องมีสายพ่วงแบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์เสริม และต่อสายพ่วงกับรถยนต์อีกคันหนึ่งในการชาร์จไฟ เพื่อให้ระบบได้ทำงาน หลังจากนั้นจึงนำรถยนต์ไปเปลี่ยนแบตเตอรี่ และเช็คสภาพความพร้อมของเครื่องยนต์จากช่างผู้เชี่ยวชาญอีกครั้งหนึ่ง

“การจัมพ์แบตเตอรี่สามารถทำได้เอง แต่ต้องระมัดระวัง เพราะแบตเตอรี่ มีส่วนประกอบหลัก คือ น้ำกรดที่มีคุณสมบัติเป็นตัวการกัดกร่อนพื้นผิว ซึ่งขณะที่แบตเตอรี่กำลังทำงานจะเกิดก๊าซไฮโดรเจนสะสมในตัวแบตเตอรี่ จึงควรระวังในเรื่องประกายไฟ เพราะอาจเกิดอันตรายระหว่างจัมพ์แบตเตอรี่ได้”
วิธีการ ‘จัมพ์แบตเตอรี่’

- เมื่อแบตเตอรี่หมด ให้ปิดสวิตช์กุญแจและอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดของรถ และขอความช่วยเหลือจากรถยนต์ที่มีแบตเตอรี่ เพื่อต่อสายพ่วงแบตเตอรี่

- นำหัวสายพ่วงของสายพ่วงสีแดงซึ่งเป็นสายขั้วบวกมาต่อกับขั้วบวก (+) ของรถยนต์ที่แบตเตอรี่หมด หลังจากนั้นนำหัวต่ออีกข้างต่อเข้ากับขั้วบวก (+) ของแบตเตอรี่รถยนต์อีกคัน

- นำหัวสายพ่วงของสายพ่วงสีเขียวหรือสีดำซึ่งเป็นสายขั้วลบมาต่อกับขั้วลบ (-) ของแบตเตอรี่รถยนต์อีกคัน ควรตรวจเช็คให้แน่ใจว่าสายพ่วงต่อแน่นหนา

- ต่อจากนั้นนำสายหัวต่อที่เหลือต่อเข้ากับส่วนที่เป็นโลหะของเครื่องยนต์ หรือตัวถังรถยนต์ ของรถยนต์ที่แบตเตอรี่หมด โดยควรต่อให้ห่างจากแบตเตอรี่มากที่สุด จากนั้นสตาร์ทเครื่องยนต์คันที่แบตเตอรี่มีไฟ ทิ้งไว้ประมาณ 3 นาที แล้วเร่งเครื่องยนต์เล็กน้อยเพื่อให้แบตเตอรี่มีการไหลเวียนของประจุไฟฟ้า

- หลังจากนั้น เริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์คันที่แบตเตอรี่หมด จากนั้นเร่งเครื่องยนต์ประมาณ 1,500 - 2,000 รอบ/นาที เพื่อเช็คดูว่าประจุไฟเข้าหลังจากการชาร์จหรือไม่ ซึ่งถ้าเครื่องยนต์ไม่ดับแสดงว่าการชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่สำเร็จ

- ถอดสายพ่วงสีเขียว หรือสายขั้วลบ (-) ออกจากตัวถังรถคันที่แบตเตอรี่หมด และตามด้วยหัวต่อขั้วลบของแบตเตอรี่ที่มีไฟ จากนั้นจึงถอดสายสีแดงหรือสายขั้วบวก (+) จากรถคันที่แบตเตอรี่หมด และถอดหัวสายพ่วงจากแบตเตอรี่ที่มีไฟ

- ปิดฝาช่องเติมน้ำกลั่นให้ครบทุกช่อง และควรสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที หรือขับรถไปเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คเครื่องยนต์และเปลี่ยนแบตเตอรี่ ใหม่

ปลอดภัยเวลา “จัมพ์แบตเตอรี่”

- ไม่สตาร์ทเครื่องยนต์ระหว่างต่อสายพ่วงแบตเตอรี่

- เวลาต่อสายพ่วงแบตเตอรี่ อย่าสูบบุหรี่หรือทำสิ่งใดๆ และระวังอย่าให้สายพ่วงแบตเตอรี่สัมผัสกัน เพราะอาจทำให้เกิดประกายไฟได้

- ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ทั้งขั้วบวกและขั้วลบ โดยใช้น้ำร้อนราดที่ขั้วแบตเตอรี่ทั้ง 2 ขั้ว เพื่อขจัดคราบเกลือที่เกาะติดอยู่

- ตรวจเช็คกำลังไฟของแบตเตอรี่ก่อน เพราะแบตเตอรี่ขนาด 6 โวลต์ หรือ 24 โวตล์ ไม่สามารถนำมาพ่วงกับแบตเตอรี่ขนาด 12 โวลต์ได้ เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่เกิดการระเบิดขึ้นได้

 
10  สมาชิก VIP / General Discussion / สั่งสอบละครไทรโศก เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2010, 09:34:03 AM
สั่งสอบละครไทรโศก
กระทรวงวัฒนธรรม สั่งสอบละครดัง"ไทรโศก" หลังเด็ก 6 ขวบ ผูกคอตายเลียนเเบบ จี้ หน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบฉากไม่เหมาะสม ก่อนนำออกอากาศ

 


ละครไทรโศก
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยถึง กรณีที่มี หนูน้อย วัย 6 ขวบ ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ก่อเหตุผู้คอตาย โดยอ้างว่า เลียนแบบละครทีวี เรื่อง "ไทรโศก" ว่า ตนต้องขอตรวจสอบละครเรื่องดังกล่าวว่า มีภาพการผูกคอตายภายในละครปรากฏ โดยไม่ได้มีการปิดบังหรือไม่ โดยจะสั่งไปยัง กองตรวจสอบละครของกระทรวงวัฒนธรรม ให้เข้ามาตรวจสอบ และดูแลในเรื่องนี้ หากพบว่า มีฉากดังกล่าวจริง ต่อไปนี้จะต้องกำชับให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมีการตรวจสอบ และดูแลการออกอากาศอย่างใกล้ชิด และ เข้มข้นมากขึ้น ในการออกอากาศของละครในแต่ละเรื่อง เพราะการที่มีภาพหวาดเสียว ภาพที่กระทบต่อศีลธรรม หรือ กระทบต่อความมั่นคงของชาตินั้น ไม่สามารถที่จะนำมาออกอากาศได้ โดยผู้ผลิตนั้นจะต้องมีจิตสำนึก และคำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก ซึ่งตนเองจะควบคุมดูแลเรื่องนี้ให้มากขึ้น เพื่อป้องกันเหตุที่อาจจะก่อให้เกิดความสูญเสียขึ้นมาอีกในวันข้างหน้า

นอกจากนี้ นายนิพิฏฐ์ ยังฝากไปถึง ผู้ปกครองของเด็กด้วยว่า ให้ผู้ปกครอง ดูแลบุตรหลานของตนเองให้มากขึ้นเช่นกัน และให้ระมัดระวัง คอยแนะนำในสิ่งที่ถูกต้องกับฉาก หรือ ภาพจากสื่อ ที่ออกมาอย่างไม่เหมาะสม หรือ ล่อแหลม
ต่อตัวเด็ก


11  สมาชิก VIP / General Discussion / เสียงริงโทนฮิตเลอร์ทำเจ้าของมือถือติดคุก เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2010, 09:31:41 AM
เสียงริงโทนฮิตเลอร์ทำเจ้าของมือถือติดคุก

เอเอฟพี - ตำรวจเยอรมันแถลงเมื่อวันพฤหัสบดี (1 ก.ค.) ที่ผ่านมา ว่า มีชายคนหนึ่งใช้เสียงของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เป็นเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือ อีกทั้งยังมีรูปของฮิตเลอร์ ผู้นำจอมเผด็จการ ประกอบกับฉากหลัง ซึ่งเป็นเครื่องหมายสวัสดิกะ อาจโดนโทษจำคุกถึง 3 ปี
       
       เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดโทรศัพท์มือถือของชายวัย 54 ปี ได้ที่สถานีรถไฟฮาร์บูร์ก ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับตอนเหนือของเมืองฮัมบูร์ก เมื่อวันอังคาร (29 มิ.ย.) หลังจากผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่ร่วมขบวนต้องตกใจกับเสียงของฮิตเลอร์ที่กำลังตะเบ่งปลุกเร้าตำรวจ
       
       “เสียงนั่นเป็นเสียงพูดจริงๆ ของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ซึ่งมักลงท้ายการปราศัยด้วยวลีว่า “ซีก ไฮล์” (แปลว่า ชัยชนะ จงเจริญ) รือดิเกอร์ คาร์สเทนส์ โฆษกตำรวจบอกแก่เอเอฟพี “เขายังมีภาพของฮิตเลอร์ยืนอยู่หน้าเครื่องหมายสวัสดิกะอีกด้วย”
       
       หลังจากตำรวจส่งเรื่องดังกล่าวให้อัยการพิจารณา ภายใต้กฎหมายเยอรมัน ชายคนดังกล่าวอาจต้องโทษจำคุก 3 ปี หรือโทษปรับ โฆษกตำรวจกล่าวเพิ่มเติม
       
       ประเทศเยอรมันห้ามไม่ให้มีการแสดงสัญลักษณ์ต่างๆ ของนาซี อย่างเช่น เครื่องหมายสวัสดิกะตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา
12  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: ระวัง..แอนตี้ไวรัสปลอม เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2010, 09:30:02 AM
โดนกับตัว แล้ว... format ลูกเดียว
13  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: อุตสาหกรรมหนังโป๊หนุน HTML5 เตรียมบอกลา Flash (18+) เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2010, 09:29:26 AM
จะเอาflash แอบโหลดได้ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเดี๋ยวโหลดไม่ได้พอดี
14  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: อึ้ง แชมป์ อีเมล์ต่อว่าแม่ชาม หลังแยกทาง เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2010, 09:28:21 AM
จะว่าไงดีล่ะ เขาว่า น่า ตัว --เมียะ--
15  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: เจาะลึกชีวิต กรรณิกา ธรรมเกษร อดีตพิธีกรชื่อดัง เมื่อ: มิถุนายน 27, 2010, 08:25:05 AM
เพิ่งเห็นนะเนี่ย อยากให้ทุกคนอ่าน
หน้า: [1] 2 3

Powered by MySQL Powered by PHP Valid XHTML 1.0! Valid CSS!