หัวข้อ: วิธีแก้ไขปัญหา กรณีรถหม้อน้ำรั่ว เริ่มหัวข้อโดย: น่ารักสุดๆ ที่ กันยายน 02, 2010, 07:28:24 PM วิธีแก้ไขปัญหา กรณีรถหม้อน้ำรั่ว(กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แนะผู้ขับขี่เเรียนรู้วิธีป้องกันและแก้ไขสถานการณ์กรณีหม้อน้ำรั่วในเบื้องต้น โดยตรวจสอบอุปกรณ์ประจำรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ทั้งสายพาน พัดลม ท่อยาง ครีบรังผึ้งระบายความร้อน ปั๊มน้ำและหม้อน้ำ หากพบรอยรั่วซึมตามจุดต่าง ๆ ให้จัดการแก้ไขทันที พร้อมตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะรถที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี ในขณะขับขี่ให้หมั่นสังเกตเข็มวัดอุณหภูมิบนหน้าปัดรถ หากเครื่องยนต์ร้อนจัด ให้นำรถจอดริมข้างทาง รอจนเครื่องยนต์เย็นลง จึงค่อยเติมน้ำลงหม้อน้ำ จากนั้นให้นำรถไปเข้าศูนย์บริการหรืออู่รถในบริเวณใกล้เคียง เพื่อดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขต่อไป นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า อุบัติเหตุฉุกเฉินอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มักเกิดกับรถยนต์ คือเครื่องยนต์ร้อนจัดจนทำให้หม้อน้ำแห้ง ส่งผลให้เครื่องยนต์เกิดการขัดข้องและอาจนำมาซึ่งอุบัติเหตุได้ เพื่อความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอแนะวิธีแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินกรณีหม้อน้ำแห้ง ดังนี้ ก่อนขับขี่ ตรวจสอบอุปกรณ์ประจำรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน สายพานไม่หย่อนหรือตึงเกินไป พัดลมระบายความร้อนไม่บิดงอหรือแตกหัก หากพบรอยรั่วตามจุดต่าง ๆ เช่น ท่อยางหม้อน้ำ ครีบรังผึ้งระบายความร้อน ปั้มน้ำ ให้รีบจัดการแก้ไขในทันที พร้อมจัดเตรียมน้ำเปล่าไว้ประจำรถ หากหม้อน้ำแห้งจะได้มีน้ำเติมใส่หม้อน้ำ หมั่นตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำ รถใหม่อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ส่วนรถที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปีขึ้นไป ควรตรวจสอบ 2 - 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยให้เติมน้ำสะอาดและถ่ายน้ำในหม้อน้ำทิ้งทุก 5 - 6 เดือน เพื่อป้องกันสิ่งสกปกรกตกค้างจนหม้อน้ำเกิดการอุดตัน และไม่สามารถระบายความร้อนจากเครื่องยนต์ ไม่เติมน้ำเกินขีดที่กำหนด เพราะเมื่อน้ำเดือด หม้อน้ำจะเกิดการขยายตัว ทำให้หม้อน้ำแตกได้ ขณะขับขี่ หมั่นสังเกตอาการเครื่องยนต์ร้อนจัด จากเข็มวัดอุณหภูมิบนหน้าปัด หากเข็มวัดเลื่อนมาอยู่ใกล้ตัว H แสดงว่าเครื่องยนต์กำลังร้อนจัด ให้รีบนำรถจอดเข้าข้างทางในบริเวณที่ปลอดภัยทันที วิธีแก้ไขกรณีหม้อน้ำแห้งในเบื้องต้น ให้รีบเปิดฝากระโปรงรถ เพื่อระบายความร้อน ออกจากห้องเครื่อง จากนั้นให้รอจนเครื่องยนต์เย็นลง จึงค่อยเปิดฝาหม้อน้ำโดยใช้ผ้าหนา ๆ หรือสวมถุงมือ ห้ามยื่นหน้าเข้าใกล้หม้อน้ำ เพราะแรงดันไอน้ำอาจพุ่งใส่หน้าจนได้รับบาดเจ็บได้ ให้เติมน้ำทีละนิดอย่างช้า ๆ โดยทิ้งช่วงประมาณ 5 นาที พร้อมสังเกตระดับน้ำในหม้อน้ำ หากน้ำที่เติมรั่วออกมาหมด แสดงว่า หม้อน้ำแตก ให้แจ้งอู่ซ่อมรถมาดำเนินการ ลากรถไปแก้ไขต่อไป แต่หากน้ำรั่วซึมเพียงเล็กน้อย และยังสามารถขับรถต่อไปได้ ให้หมั่นสังเกตเข็มวัดอุณหภูมิ บนหน้าปัดรถ และเมื่อความร้อนขึ้นสูงให้หยุดรถเป็นระยะ ๆ รอจนเครื่องยนต์เย็นลง โดยเข็มวัดอุณหภูมิเลื่อนมาอยู่ใกล้ตัว C จึงค่อยขับรถไปเข้าศูนย์บริการหรืออู่รถบริเวณใกล้เคียง เพื่อจัดการแก้ไขต่อไป |