หัวข้อ: พัฒนาการไม่สมวัย จะรู้ได้ไง เริ่มหัวข้อโดย: น่ารักสุดๆ ที่ กรกฎาคม 21, 2010, 02:02:50 PM พัฒนาการไม่สมวัย จะรู้ได้ไง (M&C แม่และเด็ก)
โดย: ปัณณ์ พ่อแม่ก็สามารถสังเกตลูกน้อยของตัวเองในระดับเบื้องต้นได้ ว่าพัฒนาการของลูกมีปัญหาหรือเปล่า เพราะความผิดปกติบางอย่างก็อาจบอกได้จากพัฒนาการเหมือนกัน หม่ำ ๆ ร้อง ๆ 0-3 เดือน อย่างนี้สิปกติ หันหน้าไปหาเสียงพูดหรือเสียงเพลง มองและหันหน้าตามของที่เคลื่อนไหว แสดงอารมณ์ทางสีหน้าเมื่อเจอคนที่คุ้นเคย มองและหันตามของเล่นที่เคลื่อนไหว เริ่มตีสิ่งของและคว้าเข้ามาหาตัว ส่งเสียงอืออา ตอบรับเสียงที่ได้ยิน ตาสามารถเคลื่อนไหวไปมาได้ มีความสนใจต่อสิ่งต่างๆ ได้นานระดับหนึ่ง มีแนวโน้มผิดปกติ ไม่สะดุ้งหรือตกใจเมื่อเกิดเสียงดัง ไม่มองตามมือตนเองเลย ไม่ยิ้มหรือมีปฏิกิริยาตอบสนองเมื่อคุยเล่นด้วยหลังอายุ 2 เดือน ไม่มองตามของเล่นเลยเมื่ออายุ 2-3 เดือน ไม่ยอมจับหรือถือของเล่นเมื่ออายุ 3- เดือน ไม่ทำเสียงครางเมื่ออายุ 3- เดือน ตาเขตลอดเวลา (อาการตาเขบางครั้งยังถือว่าปกติ) ไม่สนใจคนแปลกหน้าหรือสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ เลย เล่นเสริมพัฒนาการ โมบายล์ปลาตะเพียนที่มีสีสันสดใส เปิดกล่องเพลงหรือร้องเพลงให้ลูกฟัง อ้อแอ้ไขว่คว้า -7 เดือน อย่างนี้สิปกติ ยันตัวเริ่มคลาน อาจจับสิ่งของเพื่อดึงตัวเองขึ้น นั่งได้นานแม้ไม่พยุง และเริ่มหยิบจับของเล่น ถือของได้ข้างละอัน อาจจับมากระทบกัน ชอบดูดนิ้วและเริ่มหยิบอาหารเข้าปาก พลิกคว่ำได้คล่องแคล่ว ตามองตามสิ่งของไปในทางเดียวกัน ชอบของเล่นมีเสียง มีอารมณ์คึกคักบ่อยขึ้น แสดงความต้องการเป็นคนหนึ่งในสังคม มีแนวโน้มผิดปกติ เคลื่อนไหวขาไม่คล่อง กล้ามเนื้อแข็งและเกร็ง เวลาจับอยู่ในท่านั่ง ตัวอ่อนปวก- เปียก ศีรษะตกไปอยู่ด้านหลัง ใช้มือได้ข้างเดียว เอาของใส่ปากลำบาก ไม่พลิกตัวเองเมื่ออายุ 5 เดือน ตาข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างเบนออกข้างนอกหรือเข้าข้างใน ไม่หันตามเสียง ไม่หัวเราะเสียงดังเมื่ออายุ 6 เดือน ไม่เล่นจ๊ะเอ๋หรือตอบสนองคนรอบข้าง เล่นเสริมพัฒนาการ ลูกบอลนิ่ม ๆ สีสดใส เล่นแล้วเกิดเสียง ของเล่นที่มีลูกปัดข้างใน เขย่าแล้วเกิดเสียงหนังสือเด็กรูปสัตว์สามมิติ ต้วมเตื้ยม เตาะแตะ - 12 เดือน อย่างนี้สิปกติ ยืนได้ด้วยตัวเองตามลำพัง อาจโยกตัวเล่นไปมา ค้นหาของที่เอาไปซ่อนต่อหน้าได้สำเร็จ พูดได้มากกว่าคำว่า พ่อ แม่ ชอบพูดงึมงำคนเดียว รู้สัญลักษณ์ของวัตถุ เช่น พูดคำว่าหมาก็ทำเสียงคำรามตาม ชี้ของผ่านกระจกใสได้ มีแนวโน้มผิดปกติ ยังไม่คลานและไม่ยอมยืนเมื่อจับให้ยืน ไม่ค้นหาของที่ซ่อน แม้เด็กจะเห็นว่าซ่อนที่ไหน ไม่เรียกพ่อแม่หรือคำง่ายๆ เมื่ออายุ 1 ปี ไม่เรียนรู้ท่าทางเช่น บ๊ายบาย สั่นศีรษะ ไม่ชี้ที่รูปหรือสิ่งของ เล่นเสริมพัฒนาการ หัดดื่มน้ำจากถ้วย หัดเล่นกับพี่น้อง หรือเพื่อน หนังสือสีสดที่มีตัวสัตว์และตัวหนังสือหรือตัวเลข พัฒนาการดีหรือไม่ มาจาก สุขภาพเด็ก แน่นอนค่ะ หากเด็กที่มีสุขภาพดี จะมีพัฒนาการที่เร็วและสมบูรณ์กว่าเด็กที่อ่อนแอ เพราะกำลังในการเคลื่อนไหว ของเด็กที่อ่อนแอจะมีน้อยกว่านั่นเอง ความสุข เด็กที่มีความสุข ความสบายใจ อยู่ในครอบครัวที่อบอุ่น จะมีพัฒนาการที่รวดเร็วกว่าในครอบครัวที่หย่าร้าง หรือให้ความอบอุ่นกับเด็ก ไม่เพียง-พอ เพราะภาวะเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจ ทำให้เด็กเกิดความเครียดและรู้สึกเศร้าหมองได้ ความแกร่ง เด็กที่มีความแกร่งนั้น เกิดมาจากความรักความอบอุ่นของพ่อแม่ที่ให้เขาอย่าง เพียงพอ จนทำให้เขามีความมั่นใจ รู้สึกปลอดภัย กล้าที่จะเรียนรู้ ต่อสู้กับปัญหาเฉพาะหน้าได้ในอนาคต สมองผิดปกติ พัฒนาการ ที่ผิดปกติและอันตรายที่สุดคงจะหลีกหนีความผิดปกติของสมองไม่ได้ เพราะความผิดปกติของสมองเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและรักษาได้ลำบาก ซึ่งความผิดปกตินี้สังเกตได้จากพัฒนาการตั้งแต่เล็กเช่น การไม่สนใจสิ่งแวดล้อมหรือสิ่งรอบข้างทั้งๆ ที่ถึงวัยที่สมควรแล้ว คลานหรือเดินงุ่นง่านอยู่คนเดียว น้ำลายยังไหลมุม ปากแม้อายุเกิน 1 ขวบแล้ว จับโน่นนี่ไร้เป้าหมาย ซึ่งเรา อาจต้องช่วยลูกในการฝึกกิจกรรมพัฒนาสมอง เล่นเกม พูดคุยกับลูกบ่อยๆ เพื่อให้ลูกได้พัฒนาให้มากที่สุด การได้ยินผิดปกติ หากลูกเราไม่มีอาการตกใจเวลาเสียงดังหรือเรียกแล้วไม่หันตามเสียง แกอาจมีปัญหาการได้ยินก็เป็นได้ ลองสังเกตดูและรีบตัดสินใจพาลูกไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อให้การดูแลรักษาได้ทันท่วงที เห็นแบบนี้พ่อแม่อย่าเพิ่งตกใจหรือกังวลจนมากเกินไป เพราะพัฒนาการของเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน อาจช้าหรือเร็วไปจากเกณฑ์มาตรฐานทั่วๆ ไป หรืออาจเกิดจากองค์ประกอบอื่น ๆ ตัวอย่าง เช่น การที่เด็กใช้มือข้างเดียวหยิบจับของบ่อยๆ อาจจะเป็นเพราะเด็กมีความถนัดในมือข้างใดข้างหนึ่งมากเกินไป หากสังเกตอีกระยะหนึ่ง เด็กก็ยังไม่ใช้มืออีกข้างก็ควรจับมือเด็กข้างนั้นให้ จับหรือถือของเล่น เพื่อช่วยเด็กในการพัฒนากล้ามเนื้อค่ะ แต่ขณะเดียวกันถ้ามือเด็กดูไม่มีแรง หยิบจับของไม่ได้เลย เห็นทีควรปรึกษาแพทย์จะดีกว่าและอยากฝากไว้สักนิดค่ะว่า ข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นเพียงเกณฑ์เปรียบเทียบคร่าว ๆ ไม่ใช่มาตรฐานตายตัว เพียงแต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่รู้จักสังเกตลูก และพบสิ่งผิดปกติได้ไวก็จะได้แก้ไขได้ทันท่วงทีค่ะ |