หัวข้อ: เด็กไทยยุคใหม่ ว่ายน้ำไม่เป็น จมน้ำตายพุ่ง เริ่มหัวข้อโดย: น่ารักสุดๆ ที่ มิถุนายน 23, 2010, 08:46:31 PM เด็กไทยยุคใหม่ ว่ายน้ำไม่เป็น จมน้ำตายพุ่ง
กลายเป็นธรรมเนียม(น่าเศร้า)ในช่วงหน้าร้อนของทุกปี ลากยาวไปจนถึงช่วงเดือนตุลาคม ที่ข่าวคราวการเสียชีวิตของเด็กไทยจากการจมน้ำ มักแวะเวียนมาขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ เป็นอุทธาหรณ์ให้พ่อแม่ผู้ปกครองระมัดระวังดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ทว่า ก็ยังมีข่าว "เด็กจมน้ำตาย" จนกลายเป็นสถิติอันดับ 1 ต่อเนื่องหลายปี ทิ้งห่างอันดับ 2 คืออุบัติเหตุจราจร อยู่ถึง 2 เท่าตัว!! ทั้งนี้ ในแต่ละปีเด็กไทยเสียชีวิตจากการจมน้ำราว 1,500 คน หรือเฉลี่ยวันละ 4 คน ซึ่งถือว่ามีอัตราการเสียชีวิตจากการจมน้ำสูงกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว 5-15 เท่าตัว โดยเด็กเล็ก อายุ 1-4 ขวบ มักจมน้ำใกล้บ้าน อายุ 5-6 ขวบขึ้นไป มักจมน้ำในบ่อ หนอง คลอง บึง สระว่ายน้ำ ในชุมชนหรือหมู่บ้าน ขณะที่ เด็กชายอายุ 4 - 6 ปี มีโอกาสเสี่ยงจมน้ำมากกว่าหญิง แต่หากอายุมากกว่า 12 ปี เด็กหญิงจะมีอัตราเสี่ยงสูงกว่า สำหรับสาเหตุการจมน้ำตายในเด็กเล็ก มักมาจากการเผลอเรอของผู้ปกครอง แต่ในส่วนของเด็กโต พบว่า นอกจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์แล้ว เด็กไทยส่วนใหญ่ร้อยละ 50-80 "ว่ายน้ำไม่เป็น" ทำให้พวกเขาช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ สอดคล้องกับ กรมควบคุมโรคเฝ้าระวังและป้องกันเด็กจมน้ำเสียชีวิต ที่เผยผลสำรวจพบว่า เด็กไทยว่ายน้ำเป็นแค่ 16.7% หรือเท่ากับว่ายน้ำเป็นเพียง 2 ล้านคน จากเด็กไทยทั้งหมด 13 ล้านคน จากปัญหาดังกล่าว จะเห็นได้ว่า การให้เด็กมีภูมิต้านทาน หรือหัดให้มีทักษะว่ายน้ำเป็น ถือเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการช่วยป้องกันปัญหา "เด็กจมน้ำตาย" แต่ด้วยสภาพครอบครัวและสังคมไทยที่เปลี่ยนแปลงไป การหัดให้เด็กว่ายน้ำ อาจเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เนื่องจากปัจจุบันโอกาสที่จะฝึกว่ายน้ำของเด็กไทยอยู่ในวงจำกัด ผู้ปกครองมีเวลาให้เด็กน้อยลง ประกอบกับวิถีสังคมไทยที่เคยอุดมด้วยแหล่งน้ำ มีภาพเด็กกระโดดน้ำเล่นจนชินตา มาวันนี้แหล่งน้ำที่ยังคงเหลือไม่ใสสะอาดเช่นวันวานอีกต่อไปแล้ว ทำให้แหล่งน้ำที่เด็ก ๆ จะลงไปเล่น หรือหัดว่ายน้ำน้อยลง โดยเฉพาะเด็กใน กทม.ที่หากจะหัดว่ายน้ำ ผู้ปกครองต้องมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่ม ซึ่งจะมีปัญหาในกลุ่มเด็กที่บ้านไม่มีฐานะ ขณะเดียวกัน การสอนว่ายน้ำที่มีอยู่ตามโรงเรียนหรือสถาบันต่าง ๆ ก็ยังขาดทักษะความปลอดภัยทางน้ำ ทักษะการเอาชีวิตรอด การป้องกันอุบัติภัยทางน้ำ และการช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำด้วย เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จึงได้กำหนดให้วันเสาร์แรกของเดือนมีนาคมของทุกปี เป็นวันรณรงค์ป้องกันเด็กจมน้ำ โดยเริ่มจัดในปี 2553 เป็นครั้งแรก และตั้งเป้าจะลดการตายจากการจมน้ำของเด็กให้ได้ปีละอย่างน้อย 100 คน พร้อมกันนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดทำหลักสูตรว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดสำเร็จแล้ว ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นการเอาชีวิตรอดในน้ำ ใช้เวลาเรียน 15 ชั่วโมง โดยได้รับงบประมาณจากองค์การอนามัยโลก เริ่มนำร่องที่ราชบุรี สุรินทร์ เพชรบูรณ์ และนครศรีธรรมราช ก็ต้องมาดูกันว่า ความพยายามของภาครัฐจะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน...แต่หัวใจสำคัญ เด็กและน้ำเป็นของคู่กัน ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ดังนั้น ผู้ปกครองจึงเป็นกุญแจหลักที่จะช่วยให้เด็ก ๆ มีวัคซีน "ว่ายน้ำเป็น" เพื่อให้พวกเขาช่วยเหลือตัวเองได้ในยามคับขัน ลดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร |