Deprecated: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in /var/www/vhosts/taradthong.com/httpdocs/webboard/Sources/Load.php(225) : runtime-created function on line 3

Deprecated: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in /var/www/vhosts/taradthong.com/httpdocs/webboard/Sources/Load.php(225) : runtime-created function on line 3
พิมพ์หน้านี้ - ข้อคิดเตือนใจ...กับพุทธศาสนสุภาษิตน่ารู้ (ตอนที่2)

TARADTHONG.COM

สมาชิก VIP => General Discussion => ข้อความที่เริ่มโดย: webmaster ที่ กันยายน 07, 2011, 09:18:12 PM



หัวข้อ: ข้อคิดเตือนใจ...กับพุทธศาสนสุภาษิตน่ารู้ (ตอนที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: webmaster ที่ กันยายน 07, 2011, 09:18:12 PM
ข้อคิดเตือนใจ...กับพุทธศาสนสุภาษิตน่ารู้(ตอนที่2)

(http://www.taradthong.com/picture_library/7_9_54_1.jpg)

หมวดการปกครอง

         สพฺพํ รฏฺฐํ สุขํ เสติ ราชา เจ โหติ ธมฺมิโก     :     ถ้าผู้ปกครองทรงธรรม ประเทศชาติก็เป็นสุข

         สพฺพํ ปรวสํ ทุกฺขํ     :     การอยู่ในอำนาจของผู้อื่น เป็นทุกข์ทั้งสิ้น

         สงฺเกยฺย สงฺกิตพฺพานิ     :     พึงระแวง สิ่งที่ควรระแวง

         ปคฺคณฺเห ปคฺคหารหํ     :     พึงยกย่องคนที่ควรยกย่อง

         ปมาทา ชายเต ขโย     :     เมื่อมีความประมาท ก็เกิดความเสื่อม

         ขยา ปโทสา ชายนฺติ     :     เมื่อมีความเสื่อม ก็เกิดโทษประดัง

         สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ     :     สักการะฆ่าคนชั่วได้

         รกฺเขยฺยานาคตํ ภยํ     :     พึงป้องกันภัยที่ยังมาไม่ถึง

 หมวดสามัคคี

         สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี     :     สามัคคีของหมู่ทำให้เกิดสุข

         สูกเรหิ สมคฺเคหิ พฺยคฺโฆ เอกายเน หโต     :     สุกรทั้งหลายพร้อมเพรียงกันยังฆ่าเสื้อโคร่งได้ เพราะใจรวมเป็นอันเดียว

         สาม คฺยเมว สิกฺเขถ พุทฺเธเหตํ ปสํสิตํ สามคฺยรโต ธมฺมฏฺโฐ โยคกฺเขมา น ธํสตํ     :     พึงศึกษาความสามัคคี , ความสามัคคีนั้น ท่านผู้รู้ทั้งหลาย

         เอโส หิ อุตฺตริตโร ภาราวโห ธุรนฺธโร โย ปเรสาธิปนฺนานํ สยํ สนฺธาตุมรหติ     :     ผู้ใดเมื่อคนอื่นล่วงเกินกันอยู่ ตนเองกลับหาทางเชื่อมเขาให้คืนดีกันได้ ผู้นั้นแล ชื่อว่าเป็นคนเอาภาระ เป็นผู้จัดธุระที่ดียอดเยี่ยม

         สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี สมคฺคานญฺจนุคฺคโห สมคฺครโต ธมฺมฏฺโฐ โยคกฺเขมา น ธํสติ     :     ความพร้อมเพรียงของหมู่เป็นสุข และการสนับสนุนคนผู้พร้อมเพรียงกันเป็นสุข, ผู้ยินดีในคนผู้พร้อมเพรียงกัน ตั้งอยู่ในธรรมย่อมไม่คลาดจากธรรมอันเกษมจากโยคะ

 หมวดพบสุข

         น หึสนฺติ อกิญฺจนํ     :     ไม่มีอะไรเลย ไม่มีใครเบียดเบียน

         สุขิโน วตารหนฺโต     :     ท่านผู้ไกลกิเลส มีความสุขจริงหนอ

         สกิญฺจนํ ปสฺส วิหญฺญมานํ     :     คนมีห่วงกังวล ย่อมวุ่นวายอยู่

         ยาวเทวสฺสหู กิญฺจิ ตาวเทว อขาทิสํ     :     ตราบใดยังมีชิ้นเนื้อคาบไว้นิดหน่อย ตราบนั้นก็ยังถูกกลุ้มรุมยื้อแย่ง

         ลาโภ อลาโภ ยโส อยโส จ นินฺทา ปสํสา จ สุขํ จ ทุกฺขํ เอเต อนิจฺจา มนุเชสุ ธมฺมา มา โสจิ กึ โสจสิ โปฏฺฐปาท     :     ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข และ ทุกข์ สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมดาในหมู่มนุษย์ ไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอน อย่าเศร้าโศกเลย ท่านจะโศกเศร้าไปทำไม

         นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ     :     ความสุข (อื่น) ยิ่งกว่าความสงบไม่มี

 หมวดทาน

         อคฺคสฺส ทาตา ลภเต ปุนคฺคํ     :     ผู้ให้สิ่งที่เลิศ ย่อมได้สิ่งที่เลิศอีก

         ธีโร จ ทานํ อนุโมทมาโน     :     คนฉลาด พลอยยินดีการให้ทาง

         นิวตฺตยนฺติ โสกมฺหา     :     คนใจการุณ ช่วยแก้ไขคนให้หายโศกเศร้า

         เสฏฐนฺทโท เสฏฐมุเปติ ฐานํ     :     ผู้ให้สิ่งประเสริฐ ย่อมถึงฐานะที่ประเสริฐ

         ปุพฺเพ ทานาทิกํ ทตฺวา อิทานิ ลภตี สุขํ มูเลว สิญฺจิตํ โหติ อคฺเค จ ผลทายกํ     :     ให้ทานเป็นต้นก่อน จึงได้สุขบัดนี้ เหมือนรดน้ำที่โคนให้ผลที่ปลาย

         ยถา วาริวหา ปูรา ปริปูเรนฺติ สาคร เอวเมว อิโต ทินฺนํ เปตานํ อุปกปฺปติ     :     ห้วงน้ำที่เต็ม ย่อมยังสาครให้เต็มได้ฉันใด ทานที่ให้แต่โลกนี้ ย่อมสำเร็จแก่ผู้ละไปแล้วฉันนั้น

         โส จ สพฺพทโท โหติ โย ททาติ อุปสฺสยํ อมตนฺทโท จ โส โหติ ธมฺมมนุสาสติ     :     ผู้ใดให้ที่พักอาศัย ผู้นั้นชื่อว่าให้สิ่งทั้งปวง ผู้ใดสอนธรรม ผู้นั้นชื่อว่าให้อมตะ

         อนฺนโท พลโท โหติ วตฺถโท โหติ วณฺณโท ยานโท สุขโท โหติ ทีปโท โหติ จกฺขุโท     :     ผู้ให้ข้าวชื่อว่าให้กำลัง ผู้ให้ผ้าชื่อว่าให้ผิวพรรณ ผู้ให้ยานพาหนะชื่อว่าให้ความสุข ผู้ให้ประทีปโคมไฟชื่อว่าให้จักษุ

         มนาปทายี ลภเต มนาปํ อคฺคสฺส ทาตา ลภเต ปุนคฺคํ วรสฺส ทาตา วรลาภี จ โหติ เสฏฺฐนฺทโท เสฏฺฐมุเปติ ฐานํ     :     ผู้ให้ของชอบใจ ย่อมได้ของชอบใจ ผู้ให้ของเลิศ ย่อมได้ของเลิศ ผู้ให้ของดี ย่อมได้ของดี ผู้ให้ของประเสริฐ ย่อมถึงฐานะอันประเสริฐ

 หมวดศีล

         สีลํ โลเก อนุตฺตรํ     :     ศีล เป็นเยี่ยมในโลก

         โย จ วสฺสสตํ ชีเว ทุสฺสีโล อสมาหิโต เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย สีลวนฺตสฺส ฌายิโน     :     ผู้ไม่มีศีล ไม่มั่นคง ถึงจะเป็นอยู่ตั้งร้อยปี , ส่วนผู้มีศีล เพ่งพินิจ มีชีวิตอยู่วันเดียวประเสริฐกว่า

         น เวทา สมฺปรายาย น ชาติ นปิ พนฺธวา สกญฺจ สีลสํสุทฺธํ สมฺปรายสุขาวหํ     :     เวทมนต์ ชาติกำเนิด พวกพ้อง นำสุขมาให้ในสัมปรายภพไม่ได้ ส่วนศีลของตนที่บริสุทธิ์ดีแล้ว จึงนำสุขมาให้ในสัมปรายภพได้

         อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย     :     ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์

         สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ     :     ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์

         สี ลํ เสตุ มเหสกฺโข สีลํ คนฺโธ อนุตฺตโร สีลํ วิเลปนํ เสฏฺฐํ เยน วาติ ทิโส ทิสํ     :     ศีลเป็นสะพานอันสำคัญ ศีลเป็นกลิ่นที่ไม่มีกลิ่นอื่นยิ่งกว่า ศีลเป็นเครื่องลูบไล้อันประเสริฐสุด เพราะศีล (มีกลิ่น) ขจรไปทั่วทุกทิศ

 หมวดจิต

         จิตฺเตน นียติ โลโก     :     โลกถูกจิตนำไป

         จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ     :     จิตที่ฝึกแล้วนำสุขมาให้

         วิหญฺญตี จิตฺตวสานุวตฺตี     :     ผู้ประพฤติตามอำนาจจิตย่อมลำบาก

         เตลปตฺตํ ยถา ปริหเรยฺย เอวํ สจิตฺตมนุรกฺเข     :     พึงรักษาจิตของตน เหมือนคนประคองบาตรที่เต็มด้วยน้ำมัน

         ยโต ยโต จ ปาปกํ ตโต ตโต มโน นิวารเย     :     ก็บาปเกิดจากอารมณ์ใด ๆ พึงห้ามใจจากอารมณ์นั้น ๆ

         อานาปานสฺสติ ยสฺส อปริปุณฺณา อภาวิตา กาโยปิ อิญฺชิโต โหติ จิตฺตมฺปิ โหติ อิญฺชิตํ     :     สติกำหนดลมหายใจเข้าออก อันผู้ใดไม่อบรมให้บริบูรณ์ ทั้งกายทั้งจิตของผู้นั้นก็หวั่นไหว

         เสโล ยถา เอกฆโน วาเตน น สมีรติ เอวํ นินฺทาปสํสาสุ น สมิญฺชนฺติ ปณฺฑิตา     :     ภูเขาหินแท่งทึบ ไม่สั่นสะเทือนเพราะลมฉันใด บัณฑิตย่อมไม่หวั่นไหวในนินทาและสรรเสริญฉันนั้น

 หมวดกรรม

         สาธุ ปาเปน ทุกฺกรํ     :     ความดี อันคนชั่วทำยาก

         ตญฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ     :     ทำกรรมใดแล้วไม่ร้อนใจภายหลัง กรรมที่ทำนั้นแลเป็นดี

         ยา ทิสํ วปเต พีชํ ตาทิสํ ลภเต ผลํ กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ     :     บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้ผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้ผลชั่ว

         นิสมฺม กรณํ เสยฺโย     :     ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำดีกว่า

         รกฺเขยฺย อตฺตโน สาธุ ลวณํ โลณตํ ยถา     :     พึงรักษาความดีของตนไว้ ดังเกลือรักษาความเค็ม

         โย ปุพฺเพ กตกลฺยาโณ กตตฺโถ นาวพุชฺฌติ ปจฺฉา กิจฺเจ สมุปฺปนฺเน กตฺตารํ นาธิคจฺฉติ     :     ผู้อื่นทำความดีให้ ทำประโยชน์ให้ก่อน แต่ไม่นึกถึง (บุญคุณ) เมื่อมีกิจเกิดขึ้นภายหลัง จะหาผู้ช่วยทำไม่ได้

 หมวดความตาย

         สพฺพํ เภทปริยนฺติ เอวํ มจฺจาน ชีวิตํ     :     ชีวิตของสัตว์เหมือนภาชนะดิน ซึ่งล้วนมีความสลายเป็นที่สุด

         น มิยฺยมานํ ธนมนฺเวติ กิญฺจิ     :     ทรัพย์สักนิดก็ติดตามคนตายไปไม่ได้

         อฑฺฒา เจว ทฬิทฺทา จ สพฺเพ มจฺจุ ปรายนา     :     ทั้งคนมีคนจน ล้วนมีแต่ความตายเป็นเบื้องหน้า

         ยถา วาริวโห ปูโร วเห รุกฺเข ปกูลเช เอวํ ชราย มรเณน วุยฺ หนฺเต สพฺพปาณิโน     :     ห้วงน้ำที่เต็มฝั่ง พึงพัดต้นไม้ซึ่งเกิดที่ตลิ่งไปฉันใด สัตว์มีชีวิตทั้งปวง ย่อมถูกความแก่และความตายพัดไปฉันนั้น

         อจฺเจนติ กาลา ตรยนฺติ รตฺติโย วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺติ เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน ปุญฺญานิ กยิราถ สุขาวหานิ     :     กาลย่อมล่วงไป ราตรีย่อมผ่านไป ชั้นแห่งวัยย่อมละลำดับไป ผู้เล็งเห็นภัยในมรณะนั้น พึงทำบุญอันนำความสุขมาให้

 หมวดบุญ

         ปญฺญํ สุขํ ชีวิตสงฺขยมฺหิ     :     บุญนำสุขมาให้ในเวลาสิ้นชีวิต

         ปุญฺญานิ ปรโลกสฺมึ ปติฏฺฐา โหนฺติ ปาณินํ     :     บุญเป็นที่พึ่งของสัตว์ในโลกหน้า

         มาวมญฺเญถ ปุญฺญสฺส น มตฺตํ อาคมิสฺสติ อุทพินฺทุนิปาเตน อุทกุมฺโภปิ ปูรติ อาปูรติ ธีโร บุญฺญสฺส โถกํ โถกํปิ อาจินํ     :     ไม่ควรดูหมิ่นต่อบุญว่ามีประมาณน้อยจักไม่มีมาถึง แม้หม้อน้ำย่อมเต็มได้ด้วยหยาดน้ำที่ตกลงมาฉันใด ผู้มีปัญญาสั่งสมบูญแม้ทีละน้อย ๆ ย่อมเต็มได้ด้วยบุญ ฉันนั้น

         สหาโย อตฺถชาตสฺส โหติ มิตฺตํ ปุนปฺปุนํ สยํ กตานิ ปุญฺญานิ ตํ มิตฺตํ สมฺปรายิกํ     :     สหายเป็นมิตรของคนผู้มีความต้องการเกิดขึ้นบ่อย ๆ บุญทั้งหลายที่ตนทำเองนั้น จะเป็นมิตรในสัมปรายภพ

 หมวดกิเลส

         สงฺกปฺปราโค ปุริสสฺส กาโม     :     ความกำหนัดเพราะดำริ เป็นกามของคน

         น สนฺติ กามา มนุเชสุ นิจฺจา     :     กามทั้งหลายที่เที่ยง ไม่มีในหมู่มนุษย์

         กุหา ถทฺธา ลปา สิงฺคี อุนฺนฬา จาสมาหิตา น เต ธมฺเม วิรูหนฺติ สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิเต     :     ผู้คนหลอกลวง เย่อหยิ่ง เพ้อเจ้อ ขี้โอ่ อวดดี และไม่ตั้งมั่น ย่อมไม่งอกงามในธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว

         นิทฺทํ น พหุลีกเรยฺย ชาคริยํ ภเชยฺย อาดาปี ตนฺทึ มายํ หสฺสํ ขิฑฺฑํ เมถุนํ วิปฺปชเห สวิภูสํ     :     ผู้มีความเพียรไม่พึงนอนมาก พึงเสพธรรมเครื่องตื่น พึงละความเกียจคร้าน มายา ความร่าเริง การเล่น และเมถุนพร้อมทั้งเครื่องประดับเสีย

         อิ จฺฉาย พชฺฌตี โลโก อิจฺฉาวินยายุ มุจฺจต อิจฺฉาย วิปฺปหาเนน สพฺพํ ฉินฺทติ พนฺธนํ     :     โลกถูกความอยากผูกพันไว้ จะหลุดได้เพราะกำจัดความอยาก เพราะละความอยากเสียได้ จึงชื่อว่าตัดเครื่องผูกทั้งปวงได้

         อุเปกฺขโก สทา สโต น โลเก มญฺญตี สมํ น วิเสสี น นีเจยฺโย ตสฺส โน สนฺติ อุสฺสทา     :     ผู้วางเฉยมีสติทุกเมื่อ ไม่สำคัญตนว่าเสมอเขา ดีกว่าเขา หรือต่ำกว่าเขาในโลก ผู้นั้นชื่อว่า ไม่มีกิเลสเฟื่องฟูขึ้น

         ปุราณํ นาภินนฺเทยฺย นเว ขนฺติมกุพฺพเย หิยฺยมาเน น โสเจยฺย อากาสํ น สิโต สิยา     :     ไม่พึงเพลิดเพลินของเก่า ไม่พึงทำความพอใจในของใหม่ เมื่อสิ่งนั้นเสื่อมไป ก็ไม่พึงเศร้าโศก ไม่พึงอาศัยตัณหา

         มูฬฺโห อตฺถํ น ชานาติ มูฬฺโห ธมฺมํ ปสฺสต อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โมโห สหเต นรํ     :     ผู้หลงย่อมไม่รู้อรรถ ผู้หลงย่อมไม่เห็นธรรม ความหลงครอบงำคนใดเมื่อใด ความมืดมิดย่อมมีเมื่อนั้น

         ยสฺส นตฺถิ อิทํ เมติ ปเรสํ วาปิ กญฺจนํ มมตฺตํ โส อสํวินฺทํ นตฺถิ เมติ น โสจติ     :     ผู้ใดไม่กังวลว่า นี้ของเรา นี้ของผู้อื่น ผู้นั้น เมื่อไม่ถือว่าเป็นของเรา จึงไม่เศร้าโศกว่าของเราไม่มี ดังนี้

 หมวดบาป

         มลา เว ปาปกา ธมฺมา อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ     :     บาปธรรมเป็นมลทินแท้ ทั้งโลกนี้และโลกหน้า

         อิธ โสจติ เปจฺจ โสจติ ปาปการี อุภยตฺถ โสจติ โส โสจติ โส วิหญฺญติ ทิสฺวา กมฺมกิลิฏฺฐมตฺตโน     :     ผู้ทำบาป ย่อมเศร้าโศกในโลกนี้ ละไปแล้วก็เศร้าโศก ชื่อว่าเศร้าโศกในโลกทั้งสอง เขาเห็นกรรมอันเศร้าหมองของตน จึงเศร้าโศกและเดือดร้อน

         ปาณิ มฺหิ เจ วโณ นาสฺส หเรยฺย ปาณินา วิสํ นาพฺพณํ วิสมนฺเวติ นตฺถิ ปาปํ อกุพฺพโต     :     ถ้าฝ่ามือไม่มีแผล ก็พึงนำยาพิษไปด้วยฝ่ามือได้ ยาพิษซึมเข้าฝ่ามือไม่มีแผลไม่ได้ฉันใด บาปย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่ทำฉันนั้น

         วาณิโชว ภยํ มคฺคํ อปฺปสตฺโถ มหทฺธโน วิสํ ชีวิตุกาโมว ปาปานิ ปริวชฺชเย     :     ควรงดเว้นบาปเสีย เหมือนพ่อค้ามีพวกน้อยมีทรัพย์มาก เว้นหนทางที่มีภัย และเหมือนผู้รักชีวิตเว้นยาพิษเสียฉะนั้น

 หมวดทุกข์

         สงฺขารา ปรมา ทุกฺขา     :     สังขาร เป็นทุกข์อย่างยิ่ง

         ทุราวาสา ฆรา ทุกฺขา     :     เหย้าเรือนที่ปกครองไม่ดี นำทุกข์มาให้

         ทฬิทฺทิยํ ทุกฺขํ โลเก     :     ความจน เป็นทุกข์ในโลก

         อิณาทานํ ทุกฺขํ โลเก     :     การเป็นหนี้ เป็นทุกข์ในโลก

         ทุกฺขํ อนาโถ วิหรติ     :     คนไม่มีที่พึ่ง อยู่เป็นทุกข์

         ทุกฺขํ เสติ ปราชิโต     :     ผู้แพ้ ย่อมอยู่เป็นทุกข์

         อกิญฺจนํ นานุปตนฺติ ทุกฺขา     :     ทุกข์ ย่อมไม่ตกถึงผู้หมดกังวล

         ปิยานํ อทสฺสนํ ทุกฺขํ     :     การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก เป็นทุกข์

 หมวดเบ็ดเตล็ด  

         อวนฏฺฐิตจิตฺตสฺส ลหุจิตฺตสฺส ทุพฺภิโน นิจฺจํ อทฺธุวสีลสฺส สุขภาโว น วิชฺชติ     :     เมื่อมีจิตใจไม่หนักแน่น เป็นคนใจเบา มักประทุษร้ายมิตร มีความประพฤติกลับกลอกเป็นนิตย์ ย่อมไม่มีความสุข

         อิตฺถีธุตฺโต สุราธุตฺโต อกฺขธุตฺโต จ โย นโร ลทฺธํ ลทฺธํ วินาเสติ ตํ ปราภวโต มุขํ     :     คนใดเป็นนักเลงหญิง นักเลงสุรา และนักเลงการพนันย่อมล้างผลาญทรัพย์ที่ตนได้แล้ว ๆ, ข้อนั้นเป็นเหตุแห่งผู้ฉิบหาย

         อุป นียติ ชีวิตมปฺปมายุ ํ ชรูปนีตสฺส น สนฺติ ตาณา เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขามาโน โลกามิสํ ปชเห สนฺติเปกฺโข     :     ชีวิตคืออายุอันน้อยนี้ ถูกชรานำเข้าไป เมื่อสัตว์ถูกชรานำเข้าไปแล้ว ย่อมไม่มีเครื่องต้านทาน ผู้เล็งเห็นภัยในมรณะนั้น มุ่งความสงบ พึงละโลกามิสเสีย

         น ปเรสํ วิโลมานิ น ปเรสํ กตากตํ อตฺตโน ว อเวกฺเขยฺย กตานิ อกตานิ จ     :     ไม่ควรฟังคำก้าวร้าวของคนอื่น, ไม่ควรมองดูการงานของคนอื่นที่เขาทำแล้วและยังไม่ได้ทำ, ควรพิจารณาดูแต่การงานของตนที่ทำแล้วและยังไม่ได้ทำเท่านั้น

         ยถา ปิ มูเล อนุปทฺทเว ทฬฺเห ฉินฺโนปิ รุกฺโข ปุนเรว รูหติ เอวฺมปิ ตณฺหานุสเย อนูหเต นิพฺพตฺตติ ทุกฺขมิทํ ปุนปฺปุนํ     :     เมื่อรากยังมั่นคงไม่มีอันตราย ต้นไม้แม้ถูกตัด แล้วย่อมงอกได้อีกฉันใด เมื่อตัณหานุสัยยังไม่ถูกกำจัดแล้ว ทุกข์นี้ย่อมเกิดร่ำไปฉันนั้น

         หิริโอตฺตปฺปญฺเญว โลกํ ปาเลติ สาธุกํ     :     หิริและโอตตัปปะ ย่อมรักษาโลกไว้เป็นอันดี

         โลโกปตฺถมฺภิกา เมตฺตา     :     เมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก

         อรติ โลกนาสิกา     :     ความริษยาเป็นเหตุทำโลกให้ฉิบหาย

         อโรคฺยปรมา ลาภา     :     ความไม่มีโรค เป็นลาภอย่างยิ่ง

         กาโล ฆสติ ภูตานิ สพฺพาเนว สหตฺตนา     :     กาลเวลา ย่อมกินสรรพสัตว์พร้อมทั้งตัวมันเอง

         สพฺพญฺจ ปฐวึ ทชฺชา นากตญฺญุมภิราธเย     :     ถึงให้แผ่นดินทั้งหมด ก็ยังคนอกตัญญูให้จงรักไม่ได้

         หนนฺติ โภคา ทุมฺเมธํ     :     โภคทรัพย์ ย่อมฆ่าคนมีปัญญาทราม

         สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ     :     สักการะ ย่อมฆ่าคนชั่วเสีย

         นตฺถิ โลเก รโห นาม ปาปกมฺมํ ปกุพฺพโต     :     ชื่อว่าที่ลับของผู้ทำบาปกรรม ไม่มีในโลก

          คราวนี้ เพื่อน ๆ ก็ได้รู้จักพุทธศาสนสุภาษิตที่น่าสนใจกันหลายหมวดแล้ว ยังไงเพื่อน ๆ ก็ลองนำพุทธศาสนสุภาษิตเหล่านี้ ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของเพื่อน ๆ กันดูนะคะ