หัวข้อ: 20 เคล็ดลับ เตรียมพร้อมรับมือ บริการทางการแพทย์ เริ่มหัวข้อโดย: น่ารักสุดๆ ที่ สิงหาคม 22, 2011, 04:38:32 PM 20 เคล็ดลับ เตรียมพร้อมรับมือ บริการทางการแพทย์
(http://www.taradthong.com/picture_library/22_8_54_7.jpg) มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องเสียชีวิตจากความผิดพลาดทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศ หรือต่างประเทศ เรามักจะได้ยินข่าวในลักษณะเช่นนี้อยู่บ่อย ๆ ทั้งนี้ความผิดพลาดทางการแพทย์เป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ และอาจจะเกิดขึ้นในการรักษาทุกขึ้นตอน ตั้งแต่การตรวจวินิจฉัย การเข้ารับผ่าตัด หรือแม้กระทั่งการให้ยา และจากปัญหาดังกล่าว ผู้บริโภคแต่ละคน จึงจำเป็นที่จะต้องรู้วิธีป้องกันและรับมือกับปัญหา ความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้หลังเข้ารับการรักษาต่าง ๆ และแน่นอนค่ะ วันนี้เรามีบทความดี ๆ ของ ผศ.ดร.ยุพดี ศิริสินสุข คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้แนะนำ 20 เคล็ดลับสำหรับผู้บริโภค หรือคนไข้ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตน ให้เกิดความปลอดภัยในการรับบริการมาฝากกัน จะมีวิธีใดบ้างไปดูกันเลย (http://www.taradthong.com/picture_library/22_8_54_8.jpg) หลักการที่สำคัญ เคล็ดลับที่ 1 พึงระลึกไว้เสมอว่า "เราจะต้องเป็นส่วนหนึ่งในทีมที่ให้การรักษา" นั่นหมายถึง เราต้องมีส่วนร่วมในทุก ๆ การตัดสินใจในกระบวนการดูแลรักษา งานวิจัยยืนยันว่าผู้ป่วยที่มีส่วนร่วมในกระบวนการรักษามีแนวโน้มจะได้ผลการรักษาที่ดีกว่า (http://www.taradthong.com/picture_library/22_8_54_9.jpg) หลักปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้ยา เคล็ดลับที่ 2 ต้องแน่ใจว่าแพทย์ที่ทำการรักษาทราบว่า เรามีประวัติการรับยาที่ใดบ้าง ไม่ว่าจะเป็นยาจากโรงพยาบาลเดียวกัน หรือยาที่ซื้อมารับประทานเอง ทั้งวิตามิน ผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ สมุนไพรต่าง ๆ ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบทุกชนิด เพราะจากผลการวิจัยนั้น พบว่า ในการรักษามักจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้น โดยเฉพาะอันตรายจากปฏิกิริยาต่อวันระหว่างยา ที่แพทย์สั่งให้มาใหม่ กับยาที่ท่านรับประทานอยู่ หรือกับผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น ๆ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการรักษาได้ ดังนั้น ในการพบแพทย์หรือต้องนอนโรงพยาบาลให้นำยาหรือผลิตภัณฑ์ที่ท่านใช้ประจำมา เป็นข้อมูลเพื่อให้แพทย์ได้ทราบก่อนที่แพทย์จะตัดสินใจสั่งการรักษา เคล็ดลับที่ 3 แจ้งประวัติการแพ้ยา หรือมีอาการข้างเคียงที่ส่งผลให้เกิดอันตรายจากยาชนิดใดบ้าง ทุกครั้งก่อนรับยา เพื่อแพทย์จะได้หลีกเลี่ยงยาประเภทดังกล่าว เคล็ดลับที่ 4 ในกรณีที่แพทย์ตัดสินใจให้ยาแล้ว ต้องพยายามทำความเข้าใจกับใบสั่งยาที่ได้รับ โดยเฉพาะลายมือที่แพทย์เขียน เพราะลายมือที่ไม่ชัดเจนทำให้เภสัชกรจ่ายยาผิดพลาด และเป็นที่มาของความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคนไข้ เคล็ดลับที่ 5 สอบถามรายละเอียด และทำความเข้าใจในการใช้ยาจากแพทย์ให้ชัดเจน ได้แก่ ยาที่ได้รับนั้นใช้เพื่อวัตถุประสงค์อะไรบ้าง ยาที่ได้รับต้องใช้อย่างไร และใช้ยานานแค่ไหน จะหยุดยาได้เมื่อไร ถ้าใช้ยาแล้วโอกาสเกิดอาการข้างเคียงอะไรบ้าง และหากเกิดขึ้นจริงจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ยาที่ได้รับนี้หากต้องรับประทานร่วมกับยา หรือผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่นที่ท่านรับประทานอยู่จะปลอดภัยหรือไม่ ข้อแนะนำสำหรับการปฏิบัติตัวอื่น ๆ เช่น การรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มหรือมีกิจกรรมต่าง ๆ ประการใดบ้างที่ควรหลีกเลี่ยงในขณะที่รับประทานยานี้ เช่น ยาบางชนิดจะมีอันตรายหากรับประทานร่วมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เคล็ดลับที่ 6 เมื่อไปรับยาตามใบสั่ง ต้องตรวจให้แน่ใจว่า ยาที่ได้นั้นตรงตามใบสั่งยาที่แพทย์ให้มาจริง เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การได้รับยาผิดชนิด ไม่ถูกต้องตามที่สั่ง หรือได้รับยาในขนาดที่ผิดไปจากที่สั่ง เป็นต้น เคล็ดลับที่ 7 หากได้รับยามาแล้ว มีข้อสงสัยถึงวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากต้องรีบถามก่อนกลับบ้าน เพราะหากเข้าใจผิดพลาดจะนำไปสู่การรับประทานยาหรือใช้ยาที่ผิดพลาด เช่น ฉลากระบุว่ารับประทานวันละครั้ง หลังอาหารหรือก่อนนอน มีคนไข้รับประทานยานี้วันละ 4 ครั้ง ทั้งหลังอาหารทุกมื้อและก่อนนอน เคล็ดลับที่ 8 ควรให้เภสัชกรแจ้งให้ทราบถึงอันตราย หรืออาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากยา และวิธีปฏิบัติหากเกิดขึ้นจริงโดยเฉพาะที่อยู่ที่สามารถติดต่อกลับเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม หากเป็นไปได้ควรแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร เคล็ดลับที่ 9 ต้องแน่ใจว่า สามารถใช้ยาได้อย่างถูกต้องและเก็บรักษายาอย่างถูกต้อง เช่น หากจำเป็นต้องรับประทานยาน้ำ ต้องถามเภสัชกรให้แน่ใจว่าจะใช้อุปกรณ์ในการตวงยาอย่างไรจะเหมาะสม เช่น หนึ่งช้อนชา ไม่เท่ากับขนาดหนึ่งช้อนกาแฟ หากไม่มีช้อนชาสำหรับตวงยาให้ขอจากห้องยาหรือร้านยาได้ หรือหากได้รับเป็นหลอดฉีดยาสำหรับตวงยาต้องแน่ใจว่า ใช้ได้อย่างถูกต้อง หรือหากต้องใช้ยาพ่นต้องแต่ใจว่าพ่นถูกอวัยวะ เช่น พ่นเข้าจมูกหรือพ่นเข้าปาก การเก็บยาหลังจากเปิดขวดใช้แล้ว วิธีการใดที่เหมาะสม เช่น เก็บในตู้เย็น หรือต้องทิ้งภายหลังใช้เป็นเวลา 1 เดือน ในกรณียาหยอดตา (http://www.taradthong.com/picture_library/22_8_54_10.jpg) หลักปฏิบัติหากต้องไปนอนโรงพยาบาล เคล็ดลับที่ 10 ถ้ามีสิทธิเลือก ควรเลือกโรงพยาบาลที่มีความชำนาญในการรักษาคนไข้ในวิธีการนั้น ๆ ก่อน, โดยมีงานวิจัยยืนยันว่า หากได้รับการดูแลในโรงพยาบาลที่มีความชำนาญในการดูแลโรคนั้น ๆ มากกว่า จะให้ผลการรักษาที่ดีกว่า เคล็ดลับที่ 11 หากต้องได้รับการรักษาจากบุคลากรการแพทย์คนใด อย่าลืมถามเขาเหล่านั้นว่า "คุณหมอล้างมือให้สะอาดก่อนมาดูแลท่านหรือไม่" เนื่องจากการล้างมือเป็นวิธีการที่ดี และง่ายที่สุดในการลดการติดเชื้อในโรงพยาบาลที่องค์การอนามัยโลกยืนยัน และจากการวิจัยพบว่า หากคนไข้ถามผู้ให้บริการในเรื่องดังกล่าว ผู้ให้บริการเหล่านั้นมีแนวโน้มที่จะล้างมือบ่อยขึ้น และใช้สบู่มากขึ้น เคล็ดลับที่ 12 หากต้องได้รับการรักษาโดยการผ่าตัด ต้องแน่ใจว่า ตัวเราเองกับแพทย์ที่จะทำการผ่าตัด หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจตรงกัน ว่าจะใช้วิธีการอย่างไร มีวิธีการอื่นที่เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าหรือไม่ การผ่าตัดมีความเสี่ยงอย่างไร และต้องตรวจสอบว่า โรงพยาบาลเตรียมป้องกันความเสี่ยงไว้เรียบร้อยหรือยัง เนื่องจากความผิดพลาดในการผ่าตัด เช่นการผ่าตัดผิดตำแหน่ง ที่ก็มีให้เห็นกันอยู่บ้าง แต่ความผิดพลาดดังกล่าวไม่ควรให้เกิดขึ้น เพราะสามารถป้องกันได้ 100% หรือหากเกิดเหตุการณ์อันตรายจากการผ่าตัด ก็จะมีอุปสรรคหรือเครื่องมือป้องกันความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นได้ ไม่ให้เกิดความสูญเสียที่ไม่จำเป็น เคล็ดลับที่ 13 หากได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ ต้องศึกษาแผนการปฏิบัติตน หลังจากการรักษา ว่าเมื่อไหร่จะสามารถกลับไปมีกิจกรรมตามปกติได้ หรือกิจกรรมอะไรที่ควรหลีกเลี่ยง (http://www.taradthong.com/picture_library/22_8_54_11.jpg) หลักปฏิบัติทั่วไปในการรับบริการสุขภาพ เคล็ดลับที่ 14 พึงระลึกไว้เสมอว่า "ท่านมีสิทธิถามข้อสงสัยทุกประการเกี่ยวกับการรักษา เพราะฉะนั้น "จงถาม" หรือ "จงพูด" ในสิ่งที่ท่านกังวลใจให้ผู้ให้บริการได้ทราบ เคล็ดลับที่ 15 ต้องแน่ใจได้ว่ามีผู้ให้บริการคนใดคนหนึ่งที่ดูแลรับผิดชอบเฉพาะต่อตัวท่านอย่างแน่นอน โดยเฉพาะหากท่านมีปัญหาสุขภาพหลายด้าน เคล็ดลับที่ 16 ต้องแน่ใจให้ได้ว่าผู้ให้บริการทุกคนที่เกี่ยวข้องด้วยนั้น ในขณะทำการรักษาทราบข้อมูลสุขภาพของเราอย่างชัดเจน เคล็ดลับที่ 17 หากเป็นไปได้ในการไปรับการรักษาควรพาใครไปเป็นเพื่อนด้วย อาจเป็นคนในครอบครัว หรือเพื่อน เพื่อที่จะช่วยท่านในกรณีที่ท่านต้องการ หรือแม้ว่าคุณอาจจะไม่ต้องการในตอนแรก คุณอาจจำเป็นต้องการคนช่วยเหลือในภายหลังก็ได้ เช่น ในการผ่าตัดที่ต้องให้ผู้ป่วยหมดสติ หรือการบำบัดรักษาบางชนิดที่ทำให้ท่านช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ในการรักษาโดยปกติแพทย์จะแจ้งล่วงหน้า เช่น มารักษาตา ห้ามขับรถกลับเอง เป็นต้น เคล็ดลับที่ 18 พึงระลึกไว้เสมอว่าในทางการแพทย์ "ยิ่งมากไม่จำเป็นต้องยิ่งดี" โดยเฉพาะการได้รับยาที่มากขึ้นมีโอกาสเสี่ยงต่อยายิ่งมาก หรือแม้กระทั่งการตรวจวินิจฉัยด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องสอบถามความเหมาะสมในการได้รับยาหรือการตรวจวินิจฉัย เพื่อให้ได้ยาหรือการตรวจเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เคล็ดลับที่ 19 หากได้รับคำสั่งให้ตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ใด ๆ พึงสอบถามถึงผลของการตรวจ เพราะผลการตรวจอาจจะไม่ได้มีเฉพาะข่าวดีเท่านั้น การทราบผลย่อมจะเป็นประโยชน์ต่อการรักษาในขั้นตอนต่อไป เคล็ดลับที่ 20 จงหมั่นเรียนรู้ถึงความเป็นไปของโรค หรือความเจ็บป่วยอย่างสม่ำเสมอ อาจสอบถามจากแพทย์หรือพยาบาล หรือบุคลากรแพทย์ที่ดูแล หรือเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้อื่น ๆ เรื่องสุขภาพไม่ใช่เรื่องใกล้ตัว เราทุกคนควรหันมาใส่ใจ และเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นให้ได้อย่างทันท่วงทีนะคะ |