Deprecated: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in /var/www/vhosts/taradthong.com/httpdocs/webboard/Sources/Load.php(225) : runtime-created function on line 3

Deprecated: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in /var/www/vhosts/taradthong.com/httpdocs/webboard/Sources/Load.php(225) : runtime-created function on line 3
พิมพ์หน้านี้ - เปิดโปงเบื้องหลังธุรกิจ - ครอบครัว กัดดาฟี

TARADTHONG.COM

สมาชิก VIP => General Discussion => ข้อความที่เริ่มโดย: น่ารักสุดๆ ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2011, 06:31:35 AM



หัวข้อ: เปิดโปงเบื้องหลังธุรกิจ - ครอบครัว กัดดาฟี
เริ่มหัวข้อโดย: น่ารักสุดๆ ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2011, 06:31:35 AM
เปิดโปงเบื้องหลังธุรกิจ - ครอบครัว กัดดาฟี

 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า วิกิลีกส์ เว็บไซต์จอมแฉระดับโลก และสื่อต่างประเทศ ได้ร่วมกันเปิดโปงข้อมูลการใช้อำนาจโกงกินประเทศของครอบครัวกัดดาฟีที่มีมายาวนาน หลังประธานาธิบดี กัดดาฟี ออกมาแถลงลั่นจะกอดอำนาจจนตัวตาย และปลุกระดมให้ใช้ความรุนแรงกับประชาชนผู้ต่อต้านระบอบการปกครอง เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

          รายงานระบุว่า ครอบครัวกัดดาฟีได้ใช้อำนาจโกงกินบ้านเมืองและฮุบสมบัติชาติมาเป็นระยะเวลายาวนาน ด้วยการส่งลูก ๆ เข้าไปมีอิทธิพลในหน่วยงานและธุรกิจระดับประเทศต่าง ๆ ดังนี้

            1. มูฮัมมัด กัดดาฟี ลูกชายคนโต ลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคม
            2. มูอาทาสซิม กัดดาฟี ลูกชายอีกคน ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ
            3. ฮันนิบาล กัดดาฟี เป็นผู้ทรงอิทธิพลในธุรกิจการนำเข้าและส่งออกทางทะเล
            4. คามิส กัดดาฟี ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด
            5. ซาอาดี กัดดาฟี ได้รับมอบหมายให้ก่อตั้งเขตการค้าส่งออกเสรี ในลิเบียตะวันตก

           ขณะเดียวกัน ลูกคนอื่น ๆ ในครอบครัวกัดดาฟี ยังมีรายได้พิเศษจำนวนมหาศาลที่ได้จากบริษัทน้ำมันในลิเบีย ส่วน ซาอีฟ อัล กัดดาฟี ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ กัดดาฟี ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในลิเบีย ได้พยายามสร้างภาพลักษณ์ที่มีเกียรติต่อประเทศตะวันตก เป็นหน้าเป็นตาของประเทศลิเบีย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ดูเหมือนว่าตอนนี้ภาพลักษณ์ของเขากำลังจะถูกทำลายด้วยตัวของเขาเองแล้ว หลังจากที่ได้ออกมาแถลงการณ์ต่อผู้ประท้วงว่า รัฐบาลจะไม่ลงจากตำแหน่งเด็ดขาด พร้อมขู่ผู้ประท้วงว่าจะเกิดสงครามกลางเมืองอย่างหนักขึ้น ถ้าหากผู้ประท้วงยังคงต่อต้านรัฐบาลต่อไปอย่างนี้ ซึ่งนั่นคล้ายกับจะเป็นการกระชากหน้ากากให้เห็นตัวจริงภายใต้ตัวตนอันมีเกียรติของเขาออกมาให้ทั่วโลกได้เห็น และหลังจากนั้น หลายประเทศก็ได้ประณามการกระทำดังกล่าว

           ด้าน มูอาทาสซิม กัดดาฟี ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ได้ถูกสื่อต่างประเทศเปิดโปงพฤติกรรมทุจริตของเขาที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2008 โดยระบุว่า มูอาทาสซิม กัดดาฟี ได้ใช้อำนาจบังคับให้นายชูกรี กาเน็ม ประธานบริษัทน้ำมันแห่งลิเบีย แบ่งรายได้ให้เขาเป็นจำนวนเงิน 3.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งทางกาเน็มก็ได้กล่าวกับคนสนิทขณะพิจารณาการยินยอมจ่ายเงินตามที่มูอาทาสซิมบังคับมาว่า เขากลัวมูอาทาสซิมจะตามจองเวรหากเขาไม่ยอมจ่ายเงินให้ในขณะนั้น และมูอาทาสซิมกับพี่น้อง ก็ได้ส่วนแบ่งและรายได้จากธุรกิจน้ำมันจำนวนมหาศาลมาโดยตลอด

           ส่วน ฮันนิบาล กัดดาฟี ผู้ทรงอิทธิพลในธุรกิจการนำเข้าและส่งออกทางทะเล ได้ถูกแฉถึงเรื่องราวความทารุณโหดร้ายต่อภรรยาว่า ฮันนิบาลได้ตบตีและทำร้ายร่างกาย เอลิน ภรรยาของเขาสารพัด จนได้รับบาดเจ็บ และทำให้เอลินต้องจำใจหนีไปอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งหลังจากที่เอลินเดินทางไปลอนดอน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็สิ้นสุดลง และยิ่งไปกว่านั้น ฮันนิบาล พร้อมกับแม่และน้องสาว ไอชา ยังสั่งให้เอลินให้ปากคำกับตำรวจว่า บาดแผลและรอยบวมช้ำในตัวของเธอนั้น เป็นเพราะเธอประสบอุบัติเหตุและไม่ได้ถูกทำร้ายแต่อย่างใด

           นอกจากนี้ ยังมีการยักยอกเงินจากธุรกิจน้ำมันอีกจำนวนมหาศาล แล้วนำเข้าธนาคารในต่างประเทศ ทั้งประเทศแถบเปอร์เซีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีการสันนิษฐานว่า ประธานาธิบดี กัดดาฟี อาจซ่อนขุมทรัพย์จำนวนมหาศาลไว้ในรูปแบบต่าง ๆ ทั่วภูมิภาค ซึ่งยากแก่การตรวจสอบได้ และยิ่งไปกว่านั้น ยังมีรายงานอีกว่า ประธานาธิบดี กัดดาฟี ยังใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย โดยเสียไปกับการลงทุนและสนับสนุนโครงการและธุรกิจต่าง ๆ ในหลายประเทศ เพื่อซื้อใจรัฐบาลประเทศนั้น ๆ และการบำเรอความสุขของตัวเอง อย่างที่เว็บไซต์วิกีลีกส์ได้แฉออกมาวันนี้ว่า ครอบครัวกัดดาฟีได้ทุ่มทุนจัดคอนเสิร์ตบียอนเซ่ เป็นคอนเสิร์ตส่วนตัวเพื่อสร้างความบันเทิงเล็ก ๆ ในครอบครัว ขณะที่ ซาอีฟ อัล อิสลาม กัดดาฟี ก็ทุ่มทุนสร้างคฤหาสน์หลังโต 8 ห้องนอน ไว้ในกรุงลอนดอน มีโรงหนังและห้องบันเทิงต่าง ๆ คอยอำนวยความสะดวก มูลค่าสูงกว่า 500 ล้านบาทเลยทีเดียว

           อย่างไรก็ดี แม้จะมีการเปิดโปงมาแล้วหลายครั้ง แต่ดูเหมือนว่า กัดดาฟี ก็ไม่ได้ใส่ใจและพูดถึงเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เขายังคงยืนยันที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไป โดยอ้างว่าทำเพื่อชาติ เพื่อศาสนา และจะขอต่อสู้จนกว่าจะขาดใจตาย พร้อมกับประกาศลั่นว่าจะไม่ยอมลงจากตำแหน่งเด็ดขาด แม้จะมีการประท้วงอย่างต่อเนื่องก็ตามที และถ้าหากผู้ประท้วงยังคงประท้วงกันต่อไป พวกเขาจะใช้ความรุนแรงทางการทหารเข้าบดขยี้ประชาชน แถมยังปลุกระดมให้ผู้สนับสนุนรัฐบาลโจมตีผู้ประท้วงได้ตามใจชอบอีกด้วย