ราคาทองไม่ยุติธรรม รวมทั้งการตั้งราคาทองของสมาคมทำกำไรมากเกินไปหรือป่าว?
ไม่ขออะไรมาก..ขอเพียงโหวตให้กำลังใจคนทำเว็บ
ตลาดทอง ขอขอบพระคุณ แหล่งข่าว :MTSMANAGEMENT
เพื่อความเข้าใจอย่างละเอียดและถูกต้องของการตั้งราคาทองไทยซึ่งเป็น 965 ขออธิบายต่อไปนี้
ราคาทองของไทยการตั้งราคาจะข้นกับ 4 ตัวแปรหลักคือ
1) ราคาทองต่างประเทศ
2) อัตราเงินบาทต่อ US Dollar
3) อัตราค่า Premium หรือ ค่าใช้จ่ายขนส่งต่างๆ
4) ภาวะตลาดค้าทองคำในประเทศ
ทั้ง 4 ข้อนี้ต้องนำมาคำนวณพร้อมๆ กันเพื่อหาราคาที่เหมาะสมกล่าวคือ
1) ราคาทองคำต่างประเทศ
1.1) ราคาทองคำต่างประเทศที่ท่านได้มาจาก website ต่างๆ โดยส่วนใหญ่จะเป็นราคา INDICATIVE PRICE (ราคาโดยประมาณ) ไม่ใช่ราคาที่ ใช้ซื้อขายกันจริง ซึ่งราคาดังกล่าวมักจะมีความคลาดเคลื่อน จากราคา REAL TIME ของ BROKER ประมาณ 1-5 เหรียญต่อ ounces ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดทองคำในขณะนั้น เช่นราคามีความผันผวนขึ้นลง ราคาพวกนี้จะมีความต่างจากความเป็นจริงอย่างมากได้โดยเฉพาะ ตลาดทองคำตอนนี้ที่มีความผันผวนอย่างมาก
จะเห็นได้ว่าใน Website ต่างๆ มักจะเขียนอยู่เสมอว่า ไม่รับผิดชอบต่อความถูกต้องของข้อมูลราคานั้นๆ
1.2) การคำนวณราคาจะต้องรู้ว่าจะใช้ราคา bid หรือ offer มาคำนวณ ซึ่งจะเกี่ยวกับภาวะการค้าดังข้อที่ 4 ที่จะกล่าวต่อไป
1.3) ราคาทองคำจะมีส่วนห่างของราคา จะมีการห่างประมาณ 1-2 เหรียญเป็นปรกติ แต่ในภาวะผันผวนขณะนี้ ราคาซื้อและขายจริงจะมีการถ่างกว้างออกไป ประมาณ 3-6 เหรียญ ตามตลาดที่ผันผวน
ตัวแปรแรกตัวนี้เป็นตัว คำนวณราคาทองของตลาดโลก ถ้าท่านนำเอาราคาที่ เป็นแค่ ราคาประมาณมาเทียบ อาจมีโอกาสผิดไป 4-7 เหรียญได้
2) อัตราเงินบาทต่อ US Dollar
ค่าเงินบาทที่ท่านเห็นใน web ต่างๆ ก็จะเป็นค่าโดยประมาณ เช่นเดียวกันกับราคาทอง ซึ่งอาจจะคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงได้ 0.04 - 0.15 บาทต่อ US Dollar(ท่านโปรดอย่างลืมว่าค่าเงิน dollar ต่อไทยบาท ธนาคารเองยังให้ราคาลูกค้าต่างๆไม่เท่ากัน ตามปริมาณการซื้อขาย เช่น ราคาที่ท่านเคยเห็นตามประกาศที่ ศูนย์แลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคารต่างๆ ก็จะเห็นได้ว่ามีราคาต่างจากบน website ถึง 20-50 สตางค์ต่อ 1 US dollar ด้วยซ้ำไป) รวมทั้งต้องรู้ว่าจะนำเอาราคา bid หรือ offer มาใช้คำนวณโดยเลือกให้ถูกข้าง ขึ้นกับภาวะตลาดตามข้อที่ 4 ที่จะกล่าวต่อไป
สรุปในข้อเงินบาท ก็จะเห็นได้ว่า ความแตกต่างของราคาที่นำมาใช้ก็จะมีความผันผวนได้เป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน
ความสำคัญของข้อ 1 และ ข้อ 2 อยู่ที่ว่า ราคาที่ท่านเห็นบน website ต่างๆ เป็นราคาโดยประมาณของตลาดเท่านั้นไม่ได้มีการส่งมอบของจริง อันจะนำไปสู่วิธีคิดในข้อที่ 3 ต่อไป
3) อัตราค่า Premium หรือ ค่าใช้จ่ายขนส่งต่างๆ
อัตราค่า Premium หรือ ค่าใช้จ่ายขนส่งต่างๆ กล่าวเป็นภาษาไทยง่ายๆว่าคือค่าใช้จ่ายขนส่ง ทองคำจริงระหว่างประเทศ ข้อคิดของข้อนี้ความ ซับซ้อนอยู่ว่า:
3.1) ทองคำในประเทศไทยไม่ได้มี เหมืองของตนเอง ดังนั้น stockทองที่มีในร้านทองแต่ละแห่งก็มี จำกัดตามปริมาณที่คาดว่าเป็น ปริมาณซื้อขายปรกติเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะเช่นนี้ ที่ราคาทองคำมีราคาสูง อีกทั้งราคามีความผันผวนอย่างมาก ร้านค้าทองเองก็จะไม่พยายามเก็บ stockให้มากนักเพราะเป็นการจมทุน และมีโอกาสที่จะขาดทุนได้ ถ้าราคาทองคำตกลงมาอย่างเช่นในช่วง วันที่ 10 ตุลาถึงวันที่ 22 ตุลาที่ราคาทองคำในประเทศที่ราคาลงมา 1,600 บาท ต่อบาททองคำ ในเวลาเพียง 12 วันเท่านั้น
ดังนั้นเมื่อมีแรงซื้อหรือขายเข้ามาที่มากขึ้น พ่อค้าทองเองก็ต้องมีการ นำเข้าหรือส่งออก ตามภาวะ ทองคำในประเทศ (Demand&Supply)
3.2) ค่า Premium จะมีค่าได้ทั้งบวกและลบกล่าวคือ ถ้าเป็นข้างที่เราต้องนำเข้า ค่า Premium จะเป็นบวก ในทางกลับกันถ้าเราจะต้องส่งออก ไปขายต่างประเทศ ค่า Premium จะเป็นลบเรียกว่า Discount ซึ่งอัตราค่า Premiumปกติในปีที่แล้ว อยู่ที่
1-2 เหรียญต่อ ounce แต่ในช่างนี้ที่ผ่านมาค่า Premiumปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก เป็นตั้งแต่ 2.50 – 15 เหรียญต่อ ounces ยกตัวอย่างเช่น เหมือนตอนต้นเดือนตุลาที่ราคาทองอยู่ที่ระดับ 900 เหรียญ ประชาชนขายทองออกมามากจนเรา ต้องส่งต่างประเทศ เราจะถูกหัก Discount 15 เหรียญต่อ ounce ยืนยันได้จากธนาคาร Scotia Moccatta ซึ่งเป็นผู้ซื้อทองรายใหญ่ของโลก อีกทั้งการชำระเงินกลับมาในประเทศไทย ก็จะชำระต่อเมื่อ ผลการวิเคราะห์ percentทองสมบูรณ์ จากหน่วยวัด QC คือใช้เวลา 5 วันทำการ โดยไม่นับเสาร์อาทิตย์ นั้นหมายความว่าเมื่อบริษัทส่งออกทองคำ จะได้เงินกลับประเทศไทย โดยเฉลี่ย 7 วัน การที่บริษัทสามารถจ่ายเงินให้ลูกค้าที่ขายทองได้ในทันที จึงถือว่าเป็น บริษัทที่มี สภาพคล่องสูงมากแล้วในขณะนี้ ดังจะเห็นได้ว่า มีเพียงลูกค้าบางรายเท่านั้นที่จะได้รับ ชำระเป็น cheque บางส่วน
ในทางกลับกันเมื่อเราต้องนำทองเข้าสู่ประเทศไทย ขณะนี้ค่า Premium อยู่ที่ 2-10 เหรียญ ที่ต้องบวกขึ้นไปจากราคา Real Time Spot Priceอีกทั้งยังจะต้องส่งเงินไปเพื่อจองซื้อล่วงหน้ายังต่างประเทศ และในภาวะเช่นนี้ เมื่อส่งเงินไป ก็จะต้องเข้าคิวรอเพราะทองคำขาดตลาดทั่วโลก ต้องจองซื้อตั้งแต่ 7-15 วัน
สรุปได้ว่า ในข้อนี้คือ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของการนำเข้าส่งออกระหว่างประเทศ ทั้งหมดนี้ยังเป็นสิ่งที่อยู่ในการคิดราคาต้นทุนเพียงเท่านั้น ยังไม่ได้ คิดคำนึงถึง ส่วนกำไรที่จะมีในการดำเนินการใดๆเลย อีกทั้งยังมีความเสี่ยงในการดำเนินการ และอัตราดอกเบี้ยที่เกินขึ้นจากค่าใช้จ่ายล่วงหน้า
4) ภาวะตลาดค้าทองคำในประเทศ
มี 2 ประเด่นที่ต้องคำนึ่งคือ หนึ่ง Demandและ Supply ภายในประเทศ
1) เพื่อจะทำให้ทราบว่า จะต้องใช้ราคาคำนวณในฝั่ง Bid หรือ Offer
2) ภาวะการค้าที่เป็นระบบขั้นบันได เพื่อให้ร้านค้าทองทุกแห่งได้กำไรตามสมควรในการดำเนินการ ตั้งแต่ ผู้นำเข้าส่งออก,ร้านค้าส่ง, ร้านค้าทองในกรุงเทพ, ร้านค้าทองในต่างจังหวัด โปรดอย่าลืมว่า เรากำลัง ทำการค้าทองคำแท่งที่มีการส่งมอบ จริงๆ นั้นหมายความว่า ค่าใช้จ่ายในการขนส่งในส่วนต่างๆ ต้องมี เช่น ค่าใช้จ่ายของร้านค้าทองปลีกในต่างจังหวัดที่ต้องนำทองจากกรุงเทพ ขึ้นไป ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ราคาน้ำมันในกรุงเทพและต่างจังหวัดก็ไม่เท่ากัน
พอเข้าใจหลักคิดข้างต้นแล้วก็นำเข้ามาคำนวณสูตรตามนี้คือ
ราคาทองนอก 99.99% = (ราคาทองต่างประเทศ ที่ส่งมอบจริงๆ + Premium) x ค่าเงินบาท ที่ส่งมอบจริงๆ x 0.49
สำหรับข้อ ผิดพลาดในการ คำนวณ ที่เห็นใน web อื่น คือ คูณ 0.47 ซึ่งผิด ตัวเลข 0.49 เป็นตัวเลขที่ถูกต้องมาจากการแปลงหน่วย ounceมาเป็นหน่วยบาททองคำ โดยใช้ สูตรตามนี้คือ
ทอง 1 KG = 65.6 บาททองคำ
ทอง 1 KG = 32.148 ounces
นำ 2 ตัว นี้มาหารกันก็จะได้ 0.49 เป็นหลักในการคำนวณหน่วย ounce มาเป็น บาททองคำ
สำหรับ ทอง 96.5 การหาราคาจะต้องเข้าใจด้วยว่า มี ต้นทุนในการผลิต 96.5 เข้าไปด้วย โดยมีต้นทุนประมาณ 10-20 บาท ต่อบาททองคำ คือค่า Silver และค่าจ้างแรงงานในการผลิต นั้นหมายความว่า ราคาทองนอกต้องบวกค่าใช้จ่ายข้างต้นอีกทีหนึ่ง หลังจากคูณ 0.965
ในท้ายที่สุดเมื่อท่านคำนวณได้ราคากลางออกมาแล้ว ราคาดังกล่าวก็จะถูกนำมา ตั้งราคาของ สมาคม ซึ่งราคาดังกล่าวเป็นราคา ดิบที่ยังไม่ได้รวม ค่าดำเนินการต่างๆ ในการบริหารงาน ยกตัวอย่างเช่น ราคาดิบที่คำนวณได้เป็น ทองคำ บาทละ 12,230 บาท การตั้งราคาก็จะต้องเผื่อเหลือ เผื่อขาด ให้กับผู้ประกอบ ธุรกิจการค้าของแต่ละระดับด้วย นั้นคือ การตั้งราคาก็ควรจะตกอยู่ที่ระดับ 12,300 ขายออก และ 12,200 ซื้อเข้า อย่างเช่นราคาทองในวันที่ 23 ตุลาคม 2551 เป็นต้น
ในท้ายที่สุดนี้ ผมนายแพทย์ กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ รองเลขาธิการสมาคมค้าทองคำ หวังใจว่าท่านผู้อ่านจะเข้าใจถึง ความ สลับซับซ้อน ของตลาดทองคำแท่ง โดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวนอย่างมากในขณะนี้ จึงขอให้ท่านได้โปรดเข้าใจ ด้วยว่าการตั้งราคาสมาคมเป็นเรื่องที่ยาก ลำบากและทำด้วยกรรมการสมาคมที่มากกว่า 3 คนที่ต้อง ลงความเห็นให้ตรงกัน (ทั้งนี้ผมไม่ได้มีส่วนในการตั้งราคาสมาคมแต่อย่างไร) และเป็นราคาที่ยุติธรรมที่สุดแล้ว เพราะมีทั้งราคาซื้อและราคาขายใน ขณะเดียวกัน และมีส่วนต่างคงที่ๆ 100 บาทเท่านั้น ซึ่งถ้าท่านสังเกตราคาทองคำที่ฮ่องกงหรือประเทศอื่นๆ ก็จะมีลักษณะ การคำนวณแบบนี้เป็น มาตรฐานสากลทั่วโลก
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
Q สิ่งที่ควรทราบสำหรับผู้ที่ต้องการเก็งกำไร มีอะไรบ้าง
A การลงทุนเพื่อเก็งกำไร สิ่งสำคัญที่ควรทราบ คือ 3E ได้แก่
Excess money คือ มีเงินเหลือ และต้องทราบว่าจะแบ่งเงินออมกี่เปอร์เซนต์ มาลงทุนในทองคำ ซึ่งจำนวนเงินที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 10% ต่อการซื้อ-ขายหนึ่งครั้ง เพื่อกระจายความเสี่ยงและควบคุม Port การลงทุนให้เหมาะสม
Experince คือ ต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนทองคำให้เพียงพอก่อนที่จะเริ่มซื้อ-ขาย อย่างน้อย 1 เดือน
Education คือ ต้องศึกษาหาข้อมูลด้วยตนเอง
Q ข้อดี-ข้อเสียของการลงทุนในทองคำ เปรียบเทียบกับการลงทุนประเภทอื่นๆ
A (1) การลงทุนในธนาคาร พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงิน มีความเสี่ยงน้อย แต่ได้ผลตอบแทนที่ต่ำ
(2) การเล่นหุ้น มีความเสี่ยงต่อการขาดทุนที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน
โดยเฉลี่ยผลตอบแทนจากการเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จะอยู่ที่ 5-7%
(3) การลงทุนในทองคำ เหมาะที่จะลงทุนเนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีราคาค่อนข้างแน่นอน สามารถกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนได้ สภาพคล่องสูง ซึ่งตามหลักการบริหารพอร์ตทั่วไปควรลงทุนในทองคำประมาณ 5 - 10 % ของการลงทุนทั้งหมด ส่วนประชาชนทั่วไปควรลงทุนในทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ ประกอบกับขณะนี้ราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้นจึงเป็นช่วงที่เหมาะแก่การลงทุนที่สุด แต่ในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น จึงควรติดตามและศึกษาข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ
Q การซื้อขายทองคำแท่ง หากลูกค้ามีกำไรที่เกิดจากการขายทองคำแท่ง จะมีการเรียกเก็บภาษีจากสรรพากรหรือไม่
A ไม่มีเนื่องจากทองคำแท่งจัดเป็นสินทรัพย์ที่เคลื่อนย้ายได้เช่นเดียวกับ รถยนต์ จึงไม่มีการเรียกเก็บภาษีแต่อย่างใด
Gold Investment : แปลงน้ำหนัก&คิดราคาทอง
การแปลงน้ำหนักทองคำ
ทองคำ ความบริสุทธิ์ 96.5%
ทองรูปพรรณ 1 บาท เท่ากับ 15.16 กรัม
ทองคำแท่ง 1 บาท เท่ากับ 15.244 กรัม
ทองคำ ความบริสุทธิ์ 99.99%
ทองคำ 1 กิโลกรัม เท่ากับ 32.1508 ออนซ์
ทองคำ 1 ออนซ์ เท่ากับ 31.104 กรัม